วันที่ 8 สิงหาคม 2568 (เวลาท้องถิ่น) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ลงนามคำสั่งบริหาร เพื่อเปิดโอกาสให้กองทุนเพื่อการเกษียณของชาวอเมริกัน หรือกองทุน 401(k) สามารถนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นได้ เช่น หุ้นนอกตลาด (Private Equity) อสังหาริมทรัพย์ คริปโทเคอร์เรนซี รวมถึงสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ
การผลักดันเรื่องนี้ส่งผลทำให้บริษัทจัดการสินทรัพย์ทางเลือกสามารถเข้าถึงเงินออมเพื่อการเกษียณของชาวอเมริกัน ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ารวมกันมากกว่า 12.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยทำเนียบขาวชี้แจงว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นของชาวอเมริกัน ขณะที่ฝ่ายเห็นแย้งก็ออกมาบอกว่าการลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้มีความเสี่ยงสูง ขาดความโปร่งใส และมีค่าธรรมเนียมสูงกว่าการลงทุนในสินทรัพย์แบบดั้งเดิม
ฝ่ายเห็นแย้งบางส่วนยังระบุอีกว่าการลงนามในคำสั่งบริหารครั้งนี้อาจเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ส่วนตัวของประธานาธิบดีทรัมป์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม คำสั่งบริหารดังกล่าวไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในทันที แต่เป็นการกำหนดให้กระทรวงแรงงานของสหรัฐฯ ซึ่งรับผิดชอบการกำกับดูแลแผนการเกษียณของชาวอเมริกัน ทบทวนแนวทางปฏิบัติของผู้ดูแลผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน รวมถึงกระบวนการที่เหมาะสม หากมีการนำเสนอกองทุนที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกเหล่านี้ โดยมีกรอบระยะเวลา 180 วัน นับตั้งแต่ประธานาธิบดีมีการลงนามในคำสั่งบริหาร
กระแสการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโทเคอร์เรนซี ถูกกล่าวถึงมากขึ้นในหน้าสื่อของสหรัฐฯ ทั้งการสนับสนุนอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีทรัมป์ และความเคลื่อนไหวของบริษัทจัดการการลงทุนอย่าง State Street และ Vanguard ที่มีความโดดเด่นด้านกองทุนเกษียณ ได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัทจัดการสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง Apollo Global และ Blackstone เพื่อนำเสนอกองทุนเกษียณที่มุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นนอกตลาด
อ้างอิง: BBC, The New York Times