Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
แบงก์ชาติขอความร่วมมือ สง.ปรับเงื่อนไขช่วยลูกหนี้เหตุปะทะไทย-กัมพูชา
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

แบงก์ชาติขอความร่วมมือ สง.ปรับเงื่อนไขช่วยลูกหนี้เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

26 ก.ค. 68
11:06 น.
แชร์

สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่องแม้ทั้ง 2 ประเทศจะแถลงต่อ UNSC ไม่ต้องการการสู้รบกัน โดยฝั่งไทยยังเฝ้าระวังพื้นที่อื่นที่เป็นพรมแดนติดกัมพูชา หลังจากเหตุการณ์การณ์ 2 วันที่ผ่านมามีการโจมตีในพื้นที่พลเรือนของไทยทั้งโรงพยาบาล ร้านสะดวกซื้อ สถานีบริการน้ำมัน จนมีผู้เสียและบาดเจ็บ 

ล่าสุดในฝั่งของธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ขอความร่วมมือสถาบันการเงิน  สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยที่มิใช่สถาบันการเงิน ให้ปรับเงื่อนไขเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบดังกล่าวตามความเหมาะสมโดยเร่งด่วน

แนวทางปฏิบัติของสถาบันการเงินเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ 

 1. สินเชื่อบัตรเครดิต สามารถพิจารณาปรับลดอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำสำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ ให้ต่ำกว่าอัตราที่ ธปท. กำหนดได้ เป็นระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2568

2. สินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้การกำกับและสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล สามารถพิจารณาเงื่อนไขวงเงินชั่วคราวกรณีฉุกเฉินให้เกินกว่าอัตราที่ ธปท. กำหนดได้ เพื่อให้ลูกหนี้มีแหล่งเงินทุนฉุกเฉินเพียงพอสำหรับการฟื้นฟูความเสียหายอันเนื่องมาจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยให้อนุมัติวงเงินดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ภายในไม่เกิน 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2568

3. สินเชื่อทุกประเภท สามารถพิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนและสภาพคล่องแก่ลูกหนี้
เพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหรือเพื่อให้สามารถประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจต่อได้ รวมถึงการปรับเงื่อนไข เช่น ลดหรือยกเว้นดอกเบี้ยค่าธรรมเนียม ผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ หรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยให้อนุมัติวงเงินดังกล่าวโดยเร็ว ภายในไม่เกิน 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2568   

ทั้งนี้ ระหว่างการให้ความช่วยเหลือ ธปท. จะผ่อนปรนหลักเกณฑ์การจัดชั้นลูกหนี้ ให้คงการจัดชั้นเดิมเช่นเดียวกับก่อนประสบสถานการณ์ด้วย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจะได้รับความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมและทันท่วงที 

นายสมชาย เลิศลาภวศิน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า จากสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ที่รุนแรงขึ้นและขยายวงกว้างจนส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย การดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพของประชาชนและภาคธุรกิจ และสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน ซึ่งอาจทำให้ผู้ได้รับผลกระทบขาดรายได้และมีภาระทางการเงินเพิ่มขึ้น รวมถึงอาจมีความสามารถในการชำระหนี้ลดลง ทำให้ธปท.ขอความร่วมมือสถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยที่มิใช่สถาบันการเงิน พิจารณาให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบดังกล่าวตามความเหมาะสมโดยเร่งด่วน 

ขณะเดียวกันธปท. ขอส่งกำลังใจให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบรวมทั้งทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจากเหตุการณ์ครั้งนี้

ไทยพาณิชย์ ประเดิมออกมาตรการเร่งด่วน
ช่วยเหลือลูกค้าผู้ประสบภัยชายแดนไทย-กัมพูชาและอุทกภัยภาคเหนือ 

ล่าสุดธนาคารไทยพาณิชย์ ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา และอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ โดยให้ความช่วยเหลือทั้งกลุ่มลูกค้าบุคคล ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการและลูกค้าผู้ประกอบการ SME ทั้งมาตรการพักชำระและสินเชื่อพิเศษเพื่อซ่อมแซมบ้านและกิจการอย่างเต็มที่

กลุ่มลูกค้าบุคคล และกลุ่มลูกค้าสินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการ ประกอบด้วย

1.    สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 

  • สำหรับลูกค้าปัจจุบัน - สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อบ้านคือเงิน (My Home My Cash) พักชำระเงินต้นนาน 3 เดือน  
  • สำหรับลูกค้าใหม่ - สินเชื่อบ้านได้เพิ่มเพื่อซ่อมแซมบ้าน (สินเชื่อบ้านได้เพิ่ม สำหรับลูกค้าสินเชื่อบ้าน (Home Loan Top Up) หรือ สินเชื่อบ้านได้เพิ่ม สำหรับลูกค้าสินเชื่อบ้านคือเงิน (My Home My Cash Top Up)) ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกัน ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม และ อาคารพาณิชย์

2.    สินเชื่อรถยนต์  สำหรับลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ สามารถพักชำระหนี้สูงสุด 3 เดือน และขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระสูงสุด 3 เดือน (รวมอายุผู้กู้ไม่เกิน 65 ปี)

3.    สินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการ (SSME)

  • สำหรับลูกค้าสินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการปัจจุบัน พักชำระเงินต้นสูงสุดนาน 3 เดือน และสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูกิจการ ดอกเบี้ยคงที่เริ่มต้น 3.5% ต่อปี นาน 24 เดือน ระยะเวลากู้สูงสุด 10 ปี
  • สำหรับลูกค้าสินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการที่ต้องการขอสินเชื่อใหม่ (ยอดขายไม่เกิน 75 ล้านบาทต่อปี) สามารถขอสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูกิจการภายใต้โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) โดยมีเงื่อนไข ดังนี้: 

o   อัตราดอกเบี้ยคงที่เริ่มต้น 3.5% ต่อปี ในช่วง 24 เดือนแรก ค่าธรรมเนียมการให้สินเชื่อ (Front-End Fee) 1%

o   ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี

o   วงเงินสูงสุด 40 ล้านบาทต่อราย (รวมวงเงินจากทุกสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ)

o   ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน

o   ลูกค้าต้องนำเงินกู้ไปใช้เพื่อฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น ไม่สามารถนำไปชำระหนี้เดิม หรือ Refinance

o   ต้องยื่นเอกสารแสดงความเสียหายหรือผลกระทบจากสถานการณ์ประกอบการพิจารณา

ลูกค้าสามารถติดต่อขอเข้าร่วมโครงการได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือโทร SCB Customer Call Center โทร 02-777-7777 ได้ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 – 31 ตุลาคม 2568

ลูกค้าผู้ประกอบการ SME

ธนาคารมีโครงการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อม ผ่าน 4 มาตรการหลัก ประกอบด้วย 1) พักชำระเงินต้นสูงสุดนาน 6 เดือน 2) พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุดนาน 3 เดือน 3) เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว วงเงินสูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนเดิม และไม่เกิน 10 ล้านบาท 4) วงเงินกู้สำหรับปรับปรุง ซ่อมแซม หรือซื้อทดแทนทรัพย์สินที่เสียหายของกิจการ สูงสุด 20% ของวงเงินเดิม ไม่เกิน 10 ล้านบาท

ลูกค้าผู้ประกอบการ SME สามารถติดต่อขอเข้าร่วมโครงการได้ที่เจ้าหน้าที่ธุรกิจสัมพันธ์ และ SCB Business Call Center โทร 02-722-2222 ได้ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568

ทีทีบี ออกมาตรการ “ตั้งหลัก” เร่งด่วน

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ทีทีบีมีความห่วงใยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทั้ง 2 คือ สถานการณ์ชายแดนและอุทกภัยภาคเหนือ  ซึ่งได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้าน ที่อยู่อาศัย ทรัพย์สิน และสถานประกอบธุรกิจ ซึ่งอาจมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ธนาคารจึงให้ความช่วยเหลือลูกค้าเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ครั้งนี้  โดยการออกมาตรการ “ตั้งหลัก”  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน หวังให้สามารถฟื้นตัว กลับมาตั้งหลักและก้าวเดินต่อไปสู่การมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น

โดยมีรายละเอียดมาตรการด่วน “ตั้งหลัก”

มาตรการช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อ เพื่อแบ่งเบาภาระ

  • ลูกค้าสินเชื่อบ้าน สามารถขอพักชำระเงินต้นได้ นาน 3 เดือน ชำระคืนแต่ดอกเบี้ยเท่านั้น หรือขอวงเงินกู้เพิ่ม เพื่อซ่อมแซมบ้าน ด้วยบัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงิน ดอกเบี้ย 0% นาน 2 เดือนแรก กรณีลูกค้าถือบัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงินอยู่แล้ว ทำรายการเบิกใช้เงินสดผ่านตู้ ATM หรือแอป ttb touch ดอกเบี้ย 0% นาน 2 เดือนแรกได้ทันที
  •  ลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ สามารถขอพักชำระค่างวดได้ นาน 3 เดือน
  • ลูกค้าสินเชื่อบุคคล / บัตรเครดิต สามารถขอพักชำระหนี้ได้ นาน 2 รอบบัญชี
  • ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ หรือสินเชื่อ SME ประเภทสินเชื่อระยะยาว: จะได้รับการพิจารณาชำระแบบปลอดเงินต้น เป็นเวลาสูงสุด 6 เดือน หรือประเภทสินเชื่อหมุนเวียน: จะได้รับการพิจารณาขยายระยะเวลาชำระคืนเงินต้นสูงสุด 6 เดือน หรือประเภทสินเชื่อเช่าซื้อธุรกิจ: จะได้รับการพิจารณาขยายระยะเวลาชำระคืน หรือปรับลดยอดผ่อนชำระลงสูงสุด 70% ของยอดผ่อนชำระเดิม นาน 6 เดือน

ทั้งนี้ ลูกค้า SME ที่ต้องการซ่อมแซมสถานประกอบการไม่ว่าจะเป็นด้วยอุทกภัยหรือสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา สามารถขอสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูกิจการเพื่อ SME ระยะเวลากู้สูงสุด 10 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 3.5% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี และชำระแบบปลอดเงินต้นนานสูงสุด 12 เดือน โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

โดยลูกค้าสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าธุรกิจของท่าน หรือศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจ ทีทีบี เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม โทร. 0 2643 7000 (วันจันทร์ - วันเสาร์ เวลา 8:00 – 20:00 น.) ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันหยุดธนาคาร

มาตรการความคุ้มครอง สำหรับลูกค้าที่มีประกัน

  • ลูกค้าสินเชื่อบ้าน ที่มีความคุ้มครองประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย และได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม กรณีเป็นลูกค้าสินเชื่อบ้านทีทีบี และทีเอ็มบี (เดิม) สามารถรับความคุ้มครองได้โดยอัตโนมัติ ภายใต้เงื่อนไขการมอบ “ประกันฟรี” แจ้งเคลมผ่านอลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย โทร. 1292 ลูกค้าที่ซื้อประกันภัยโดยตรงกับธนชาตประกันภัย รับความคุ้มครอง โดยตรวจสอบความคุ้มครองได้ที่ “เมนูประกัน” ในแอป ttb touch หรือแจ้งเคลมผ่านธนชาตประกันภัย โทร. 1519
  • ลูกค้าประกันชีวิต / ประกันภัย กรณีเป็นลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในชายแดนไทย-กัมพูชา ติดต่อ พรูเด็นเชียลประกันชีวิต โทร. 1621 และลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ติดต่อ ธนชาตประกันภัย โทร. 1519 โดยสามารถตรวจสอบความคุ้มครองได้ที่ “เมนูประกัน” ในแอป ttb touch
  • ลูกค้าธุรกิจทุกราย ที่มีประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน ประเภทสรรพภัย ประเภทอัคคีภัย ขยายภัยน้ำท่วม กับ ทีทีบี โบรกเกอร์ รับความคุ้มครอง ความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม ตามกรมธรรม์กำหนด หากมีความเสียหาย สามารถแจ้งเคลมได้ผ่าน ทีทีบี โบรกเกอร์ โทร. 0 2783 0200 หรือ 0 2783 0300 (วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 8:30 – 17:30 น.)
  • ลูกค้าที่มีประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน และ ประกันภัยรถยนต์ กับ ทีทีบี โบรกเกอร์ รับความคุ้มครอง ตามกรมธรรม์กำหนด แจ้งเคลมผ่าน ทีทีบี โบรกเกอร์ โทร. 0 2783 0200 หรือ 0 2783 0300 (วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 8:30 – 17:30 น.)

ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถติดต่อเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. 68 – 31 ต.ค. 68 และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ แอป ttb touch ผ่าน Yindee เลือกติดต่อแชทกับทางเจ้าหน้าที่ หรือ ttb contact center 1428 หรือ สาขาทีทีบี ที่เปิดทำการ

ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย , ธนาคารไทยพาณิชย์ , ttb

แชร์
แบงก์ชาติขอความร่วมมือ สง.ปรับเงื่อนไขช่วยลูกหนี้เหตุปะทะไทย-กัมพูชา