คดี STARK เจ้าหนี้ 3,395 ราย ยื่นขอชำระหนี้เฉียด 1.3 แสนล้านบาท
สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยออก “คำประกาศ ครั้งที่ 3/2568” แจ้งความคืบหน้าล่าสุดในกระบวนการยื่นขอรับชำระหนี้ของผู้เสียหายกลุ่มผู้ถือหุ้นสามัญ STARK ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกร้องความเสียหายจากคดี STARK ที่กำลังดำเนินอยู่ในชั้นศาล
การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ หนึ่งในจำเลยของคดีหมายเลขดำที่ พ.1061/2567 ถูกศาลล้มละลายกลางพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ตามคดีหมายเลขแดงที่ ล.9679/2567 เพื่อรักษาสิทธิของผู้เสียหาย สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยได้แนะนำให้ผู้ถือหุ้นที่ได้รับความเสียหายจากหุ้น STARK ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ณ กรมบังคับคดี ภายในกำหนดเวลาคือ 11 เมษายน 2568 ตามที่ได้มีการประกาศราชกิจจานุเบกษา ซึ่งได้แจ้งให้ทราบโดยทั่วกันแล้วในประกาศ ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568
เมื่อสิ้นสุดการยื่นคำร้อง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้นัดตรวจสอบคำขอในวันที่ 30 เมษายน 2568 และพบว่ามีเจ้าหนี้จำนวนถึง 3,395 ราย ยื่นคำขอรับชำระหนี้ รวมเป็นวงเงินสูงถึง 131,428,670,221.69 บาท (ประมาณ 1.3 แสนล้านบาท)
ต่อจากนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดนัดประชุมเจ้าหนี้ ครั้งแรกในวันที่ 27 กันยายน 2568 เวลา 10.00 น. ณ กรมบังคับคดี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ โดยเจ้าหนี้ที่ยื่นคำขอภายในกำหนดจะมีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมเพื่อหารือแนวทางจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้
ในช่วงระหว่างนี้ จะมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้น เพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงและแนวทางออกคำสั่งเกี่ยวกับคำขอรับชำระหนี้ของกลุ่มผู้ถือหุ้นสามัญ STARK ต่อไป
คดีหมายเลขดำที่ พ.1061/2567 เป็นผลจากการที่สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) เข้าช่วยเหลือผู้เสียหายกลุ่มนักลงทุนให้สามารถใช้สิทธิตามกระบวนการยุติธรรม โดยเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำสั่งให้ดำเนินการในรูปแบบคดีแบบกลุ่ม (Class Action) อย่างเป็นทางการ
นับตั้งแต่มีการยื่นคดี สมาคมฯ ได้ประกาศความคืบหน้าต่อสาธารณะมาแล้วทั้งหมด 6 ฉบับ ได้แก่:
- ฉบับที่ 1/2567 (19 ก.ย. 67)
- ฉบับที่ 2/2567 (12 พ.ย. 67)
- ฉบับที่ 3/2567 (18 ธ.ค. 67)
- ฉบับที่ 1/2568 (28 ก.พ. 68)
- ฉบับที่ 2/2568 (20 มี.ค. 68)
- และล่าสุด ฉบับที่ 3/2568 ฉบับนี้
นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านอีเมลส่วนบุคคลของผู้ลงทะเบียนไว้กับสมาคมฯ และเว็บไซต์ www.thaiinvestors.com (ในเมนู “Class Action”) พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานในตลาดทุนและสื่อมวลชน เพื่อให้ข้อมูลถึงผู้เสียหายอย่างทั่วถึง
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
