"ทีวี ไดเร็ค ประกาศปรับโครงธุรกิจครั้งใหญ่ตั้ง 'โฮลดิ้ง คัมปานี' พร้อมเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทเป็น “บมจ.ทีวีดี โฮลดิ้งส์” (TVDH) เพื่อสนับสนุนบริษัทในเครือ เตรียมรุกปรับโครงสร้างธุรกิจ B2B และ B2C และเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ด้าน Blockchain Technology ใช้งบลงทุนรวม 55 ล้านบาท กำหนดจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ เวลา 14.00 น. (รูปแบบออนไลน์) เพื่อขออนุมัติมอบอํานาจให้บอร์ดสามารถดําเนินการเพิ่มทุนอีกไม่เกิน 30% ของทุนจดทะเบียน เพื่อใช้ลงทุนโครงการต่างๆ
โดยคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) ได้อนุมัติแผนธุรกิจที่จะปรับโครงสร้างทรานส์ฟอร์มบริษัทฯ เป็น Super Holdings โดยจะมีทั้งการปรับ เปลี่ยน ลด เพิ่ม ครบทุกรายละเอียด เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจและนำบริษัทฯ กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง นอกจากนี้ได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทฯ เป็น บริษัท ทีวีดี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVD Holdings PLC (TVDH)
“นอกจากการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทแล้ว บทบาทใหม่ของ TVDH จะมุ่งให้การสนับสนุนทุกบริษัทในเครือทั้งด้านการเงิน การจัดสรรเงินลงทุนในธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะมีการถ่ายโอนอำนาจการบริหารงานในแต่ละบริษัทฯ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน
ซึ่งรูปแบบการบริหารงานที่มีลักษณะเป็น Modular จะทำให้แต่บริษัทเกิด Agility (ความคล่องตัว) และ Resilience (ความยืดหยุ่น) อย่างไรก็ตาม TVDH ซึ่งเป็นโฮลดิ้งคัมปานียังคงดูแลบริษัทในเครืออย่างใกล้ชิดและพร้อมให้การสนับสนุนตลอดเวลา จึงเชื่อว่าด้วยแนวทางนี้จะทำให้บริษัทก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วมากขึ้น” นายพงษ์ภาณุ กล่าว
ในหลักการปรับโครงสร้างบริษัทฯ ได้เตรียม Spin Off ธุรกิจ B2C และตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด หรือ TV Direct Co., Ltd. โดยมี บริษัท ทีวีดี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 100% เพื่อดำเนินธุรกิจการตลาดแบบตรงผ่าน 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ อีคอมเมิร์ซ, ทีวีช้อปปิ้ง และคอลล์เซ็นเตอร์
พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนระบบเทคโนโลยีใหม่ทั้งหมด ทั้งระบบการทำงานกลาง ระบบ Live Commerce เพื่อให้เกิดกระบวนการทำงานที่สั้นลง สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงจัดสรรบุคลากรใหม่ให้เกิดความคล่องตัว อย่างไรก็ตามจากการเกิด Disruption ที่มีผลให้จำนวนคนดูทีวีลดลง โดยเฉพาะกลุ่มดาวเทียมและการเกิดคู่แข่งรายใหม่ จึงคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะติดลบลดลง และเข้าสู่จุด Break Even ภายใน
ไตรมาส 3 นี้
“ตามขั้นตอนของการ Spin Off ธุรกิจ B2C บริษัทใหม่ (บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด) จะต้องทำการซื้อธุรกิจ B2C จาก บริษัท ทีวีดี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) โดยในส่วนนี้ได้มอบหมายให้บริษัท Capital Advantage ทําการประเมินราคาคาดว่าจะได้ราคาสุดท้ายในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ หลังจากนั้นบริษัทฯ จะดำเนินการตามขั้นตอนให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป”
สำหรับธุรกิจ B2B นั้น คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อหุ้นรายย่อยของบริษัท เอบีพีโอ จำกัด (ABPO) ทั้งหมด 22.69% ในราคา Fair Value เป็นจํานวนเงินทั้งสิ้น 44,192,247 บาท ซึ่งจะทําให้การดำเนินงานต่อจากนี้ไม่ต้องกังวลเรื่อง Inter - Related Transaction (รายการที่เกี่ยวโยงกัน) และทําให้การดำเนินงานและการลงทุนโดยบริษัท ทีวีดี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) สามารถทําได้ทันที เนื่องจากเป็นโฮลดิ้งส์ที่ถือหุ้น 100%
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติหลักการเข้าซื้อหุ้นอีก 2 บริษัท ที่บริษัทฯ ABPO ลงทุนอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่
สำหรับการลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคตอย่าง Blockchain Technology ได้แก่ การลงทุนใน Tokenization (สินทรัพย์ดิจิทัล) and Crypto (สกุลเงินดิจิทัล) จะใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 55 ล้านบาทใน 3 โครงการ ดังนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าการดําเนินธุรกิจ Blockchain ในครั้งนี้ จะมีความปลอดภัยและคุ้มค่า รวมถึงได้เรียนรู้กระบวนเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมจะทําโครงการ Tokenize จากธุรกิจของบริษัทฯ เองต่อไป โดยการลงทุนดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้บริษัท ทีวีดี เอ็ม จำกัด (TVD Monetary) เป็นบริษัทหลักในการดําเนินธุรกิจ Blockchain