หนึ่งในมาตรการที่รัฐบาล นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน เดินหน้าช่วยเหลือประชาชน คือ มาตรการแก้หนี้นอกระบบ ที่เป็นปัญหาใหญ่ของคนไทยในขณะนี้ โดยทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงการคลัง ดีเดย์เปิดลงทะเบียนผู้ประสบปัญหาหนี้นอกระบบ 1 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา
ล่าสุด ปลัด มท. เผยยอดลงทะเบียนหนี้นอกระบบครบ 15 วัน มูลหนี้ 5,700 ล้านบาท ประชาชนลงทะเบียนแล้วกว่า 96,000 หมื่นราย
โดยตัวเลขการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ 15 วัน นับตั้งแต่เปิดลงทะเบียน พบว่า
-
มีมูลหนี้รวม 5,704.415 ล้านบาท
- ประชาชนลงทะเบียนแล้ว 96,783 ราย แบ่งเป็น
- การลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ 85,820 ราย
- การลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 10,963 ราย
- จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด 5 ลำดับแรก ดังนี้
- กรุงเทพมหานคร ยังมากที่สุด มีผู้ลงทะเบียน 6,122 ราย เจ้าหนี้ 5,033 ราย มูลหนี้ 485.281 ล้านบาท
- จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ลงทะเบียน 4,165 ราย เจ้าหนี้ 3,308 ราย มูลหนี้ 250.055 ล้านบาท
- จังหวัดสงขลา มีผู้ลงทะเบียน 3,861 ราย เจ้าหนี้ 2,702 ราย มูลหนี้ 240.432 ล้านบาท
- จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ลงทะเบียน 3,751 ราย เจ้าหนี้ 2,336 ราย มูลหนี้ 274.405 ล้านบาท
- จังหวัดขอนแก่น มีผู้ลงทะเบียน 2,512 ราย เจ้าหนี้ 1,956 ราย มูลหนี้ 179.602 ล้านบาท
- จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่
- จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้ลงทะเบียน 130 ราย เจ้าหนี้ 83 ราย มูลหนี้ 5.284 ล้านบาท
- จังหวัดระนอง มีผู้ลงทะเบียน 196 ราย เจ้าหนี้ 126 ราย มูลหนี้ 14.042 ล้านบาท
- จังหวัดสมุทรสงคราม มีผู้ลงทะเบียน 258 ราย เจ้าหนี้ 177 ราย มูลหนี้ 8.32 ล้านบาท
- จังหวัดตราด มีผู้ลงทะเบียน 330 ราย เจ้าหนี้ 197 ราย มูลหนี้ 10.237 ล้านบาท
- จังหวัดมุกดาหาร มีผู้ลงทะเบียน 355 ราย เจ้าหนี้ 243 ราย มูลหนี้ 20.902 ล้านบาท
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เผยว่า “ ‘หนี้นอกระบบเป็นเหมือนไฟไหม้บ้าน’ หากลูกหนี้ไม่มีเงินส่งดอกตรงเวลาเจ้าหนี้ก็จะเอาเรื่อง แต่หากไม่มีเงินส่งเงินต้นแต่มีเงินส่งดอกเบี้ยเจ้าหนี้ก็จะไม่ว่าอะไร และลูกหนี้ก็จะถูกกินเงิน ถูกกินค่าดอกเบี้ยมหาโหดไปเรื่อย ๆ และนายทุนเงินกู้นอกระบบก็ไม่เคยสนใจ เพราะเจ้าหนี้ล้วนแต่อยากได้ ‘ดอกเบี้ยมหาโหด’”
ดังนั้น ทีมมหาดไทยทุกพื้นที่ต้องบูรณาการทุกหน่วยงานช่วยกันประชาสัมพันธ์ว่า ลูกบ้านคนใดเป็นลูกหนี้มหาโหด ก็ขอให้ไปบอกนายอำเภอ เพื่อที่จะได้เชิญเจ้าหนี้และลูกหนี้มาเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ ว่ามีดอกเท่าไหร่ เงินต้นเท่าไหร่ ส่งไปแล้วเท่าไหร่ จะได้มีแนวทางการวางแผนใช้หนี้ ซึ่งการแก้ไขปัญหาของอำเภอลักษณะนี้ ถือเป็น “ยาฝรั่ง” แต่สิ่งที่จะเป็น "ยาไทย" คือ ต้องส่งเสริมให้คนหันมาพึ่งพาตนเอง ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เช่น การทำให้พื้นที่รอบบ้านเป็นแหล่งอาหาร ทั้งปลูกพืชผักสวนครัว พืชสมุนไพร เลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงกบ เลี้ยงปลา เพื่อจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ขณะเดียวกันก็ต้องใช้กลไกทีมบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน หนุนเสริมการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพื่อประชาชนจะได้มีเงินไว้ใช้ในชีวิตประจำวันร่วมกับครอบครัว
ขณะนี้ ในหลายพื้นที่ได้เข้าสู่กระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้แล้ว และในบางพื้นที่ก็ยังคงเกิดกระแสการตื่นตัวของเจ้าหนี้ที่มีการออกมาแสดงการข่มขู่ และสร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
จึงขอให้ฝ่ายปกครองได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และองคาพยพในระดับพื้นที่ ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลอย่างเข้มข้น
หากพบการกระทำผิดกฎหมายต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และขอให้ทุกภาคส่วนยังคงช่วยกันสร้างการรับรู้ให้แก่พี่น้องประชาชนได้ลงทะเบียนควบคู่กับการให้ความช่วยเหลือตามแนวทางที่กำหนดอย่างสุดความสามารถ
โดยกระทรวงมหาดไทยยังคงเปิดรับลงทะเบียนพี่น้องประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบ ทั้งทางออนไลน์ที่ https://debt.dopa.go.th หรือวอร์คอินได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานเขตทั่วประเทศ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนในพื้นที่
นอกจากนี้ สำหรับแนวทางช่วยเหลือลูกหนี้ หลากหลายกลุ่มด้วยกัน ที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการแก้หนี้ดังกล่าว
มีดัง
- แก้หนี้กลุ่มเกษตรกร : พักหนี้เกษตรกรทั้งต้นและดอก วงเงินไม่เกิน 300,000 บาท/ราย รวมระยะเวลา 3 ปี โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อ 26 ก.ย. 2566
- หนี้นักศึกษา (หนี้ กยศ.) : ลดดอกเบี้ย /ปรับแผนจ่ายเงิน /ปลดผู้ค้ำประกัน /ถอนอายัดบัญชี
- แก้หนี้ครู และข้าราชการ : หักหนี้ไม่เกิน 70% ของเงินเดือน และจัดทำสวัสดิการเงินกู้ข้าราชการ (ดอกเบี้ยต่ำ)
- แก้หนี้บัตรเครดิตกับรัฐบาล : ปรับโครงสร้างหนี้ ผ่านโครงการ “คลินิกแก้หนี้” ผ่อนได้นาน 10 ปี ลดดอกเบี้ยเหลือ 3-5% ต่อปี
- แก้หนี้สินเชื่อรถยนต์ และ รถจักรยานยนต์ : ให้สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์ เป็นสัญญาควบคุม และให้ สคบ.ดำเนินการได้เลย
- แก้หนี้กลุ่มธุรกิจ SME : ยกเลิกสถานะหนี้เสีย สำหรับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และให้สามารถปรับโครงสร้างหนี้
- หนี้เสีย ( NPL) : ตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างธนาคารของรัฐ กับบริษัทบริหารสินทรัพย์เพื่อรับโอนหนี้เสีย
มาตรการแก้หนี้ของรัฐบาลได้ออกมา เป็นความพยายามแก้ไขหนี้ของประเทศอย่างเป็นระบบ และทุกกลุ่ม เพราะขณะนี้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูง เงินออมที่ลดลง ถือเป็นปัญหาใหญ่ต่อระบบเศรษฐกิจไทย เพราะจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศ ส่งต่อผลกระทบมายังผู้ประกอบการให้ขายของหรือธุรกิจมีปัญหาได้ในอนาคต และจะส่งต่อผลกระทบให้เป็นหนี้เสียในระบสถาบันการเงินได้ จะเป็นผลกระทบเป็นโดมิโนเอ็กเฟ็กซ์ต่อระบบเศรษฐกิจไทย