17.00 น.ของวันที่14 พ.ค.2566 จะหมดเวลาการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชนชาวไทยแล้ว ซึ่งทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. คาดว่าภายในเวลา 22.00 ของวันนี้จะสามารถรายงานผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการได้ ซึ่งเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศ รวมถึง ต่างชาติ ก็ให้ความสนใจกับผลการเลือกตั้ง 2566 เช่นเดียวกัน
ในฟากของการลงทุน ดัชนีหุ้นไทย เป็นหนึ่งตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ โดย คุณณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM , ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ ได้วิเคราะห์ถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยหลังการเลือกตั้ง 2566 ว่า ดัชนีหุ้นไทยจะตอบรับในเชิงบวกมาก หากผลการเลือกตั้งออกมาในลักษณะที่คะแนนเสียงของพรรคที่ชนะ มีความเด็ดขาดในแบบแลนด์สไลด์ เพราะจากสถิติการเลือกตั้งใหญ่ในอดีตของประเทศไทยก็เป็นเช่นนั้น ดังนั้นผลการเลือกตั้งมีความสำคัญต่อ ทิศทางของตลาดหุ้นไทยต่อไป และรวมถึงทิศทางกระแสเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติด้วย
3 Scenario ของผลการเลือกตั้งที่ทำให้ต่างชาติเข้าซื้อหุ้นไทยมาก
1.การชนะแบบแลนด์สไลด์ - หากพรรคที่ชนะ สามารถกวาดที่นั่ง ส.ส. ได้ 300-310 เสียง
2.ฝั่งเสรีนิยมสามารถรวมกันได้เกินกว่า 375 เสียง เท่ากับเป็นการปิดสวิตช์ ส.ว.
3.รัฐบาลผสมข้ามฝั่ง ระหว่างฝั่งเสรีนิยมกับอนุรักษ์นิยม ซึ่งพรรคที่ได้อันดับ 1 มีที่นั่ง 200 หรือ ต่ำกว่า 200 ต้องผสมกับพรรคร่วมให้เกินกึ่งหนึ่ง ในลักษณะเช่นนี้การโหวตของฝั่ง ส.ว.ไม่น่าทำให้เกิดปัญหาเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตามหากผลการเลือกตั้งออกมานอกเหนือจากนี้ เช่น ฝั่งเสรีนิยมได้เสียง ส.ส.น้อย จำนวนเกิน 250เสียงไม่มากมากนัก อาจส่งผลให้การบริหารงานในอนาคตไม่มีสเถียรภาพ ซึ่งหากผลออกมาเช่นนี้อาจทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงได้ในสัปดาห์หน้า
สถิติในอดีต หุ้นไทยเคยขึ้นแรงถึง 8.2% ยาว 1 เดือนหากชนะแบบแลนด์สไลด์
จากข้อมูลการเลือกตั้งใหญ่ของประเทศไทยราว 10 ครั้งนับจากปี 1992 หรือ พ.ศ.2535 พบว่า ดัชนีหุ้นไทย 1 สัปดาห์หลังการเลือกตั้ง ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้น 8 ครั้ง ปรับลง 2 ครั้ง ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 3.2%
แต่อย่างไรก็ตาม หากผลการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ คือ มีการชนะแบบเด็ดขาด อย่างเช่นในปี 2544 , 2548 และ 2554 บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า มีการนำเอาสถิติหุ้นไทยมาวิเคราะห์การเลือกตั้งทั้ง 3 ครั้งนี้ พบว่า หุ้นไทยขึ้นหลังเลือกตั้ง 1 สัปดาห์ ให้ผลตอบเฉลี่ยสูงถึง 8.2% และ มีการปรับขึ้นต่อเนื่องได้นานเกิน 1 เดือนหลังการเลือกตั้ง
ขณะที่กลุ่มของนักลงทุนสถาบัน มักมีการเข้าซื้อสุทธิก่อนการเลือกตั้งใหญ่ สวนทางกับนักลงทุนต่างชาติที่มักมีการขายก่อนการเลือกตั้ง และกลับเข้าซื้อหุ้นไทย หลังการเลือกตั้ง และยิ่งผลการเลือกตั้งออกมาแบบเด็ดขาดจะยิ่งมีผลกับเม็ดเงินซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติให้ซื้อสุทธิได้ถึง 40,000 ล้านบาทในปี 2554
ส่วนกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง คือ 1.สื่อ 2.อสังหาริมทรัพย์ 3.พลังงาน 4. สุขภาพ 5.ธนาคาร
กลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทย สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่ สามารถถือต่อรอผลการเลือกตั้งได้ โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic แต่ถ้าหากผลการเลือกตั้งออกมาไม่เป็นใจต่อตลาดหุ้นค่อยหาจังหวะในการขายทำกำไร
VDO บทวิเคราะห์ จากบล.ทรีนิตี้
VDO สถิติหุ้นไทยก่อนการเลือกตั้ง