“คลินิกแก้หนี้ by SAM” ปรับเงื่อนไขใหม่ ช่วยคนเป็นหนี้เสียค้างชำระเกิน 120 วัน เข้าร่วมโครงการได้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ 3-5% ต่อปี ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี ลดภาระหนี้ให้กับประชาชน ที่ผ่านมาลดหนี้ไปแล้วกว่า 146 ล้านบาท
“โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” ได้ประกาศปรับเกณฑ์คุณสมบัติใหม่ให้กับลูกค้าที่มีสถานะเป็นหนี้เสีย (NPL) บัตรเครดิต บัตรกดเงินสดและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน เกินกว่า 120 วัน (ตามรายงานเครดิตบูโร ณ เดือนปัจจุบัน ต้องมีสถานะค้างชำระ 121-150 วันขึ้นไป) สามารถเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ได้ จากเดิมต้องมีสถานะเป็นหนี้เสียก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เท่านั้น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป
นายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM กล่าวว่า “ปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนในปัจจุบันที่ยังสูงเกินกว่า 85% ต่อจีดีพี ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” ถือเป็นหนึ่งในช่องทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับลูกค้ารายย่อยให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็วที่สุด”
ทั้งนี้ ลูกค้าที่เป็นหนี้เสียรายใหม่สามารถสมัครเข้าร่วม “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” ได้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษเพียง 3-5% และระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 10 ปี โดยเสนอทางเลือกการปรับโครงสร้างหนี้ เป็น 3 ทางเลือก ดังนี้
- ผ่อนชำระไม่เกิน 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี
- ผ่อนชำระนานกว่า 4 ปี ไม่เกิน 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี
- ผ่อนชำระนานกว่า 7 ปี ไม่เกิน 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการช่วยเหลือและดูแลลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการแล้ว และเริ่มมีปัญหาในการผ่อนชำระ ซึ่งจะพิจารณาเหตุผลและความจำเป็นของลูกค้าเพื่อแนะนำแผนการชำระหนี้ใหม่ที่เหมาะสมตามความสามารถเป็นรายกรณี ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดเพื่อช่วยเหลือลูกค้าให้ชำระหนี้ได้อย่างต่อเนื่องและสามารถปลดหนี้ได้ในที่สุด
สำหรับลูกค้าที่ยังมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ ขอแนะนำให้ชำระหนี้ต่อไปเพื่อรักษาสถานะและประวัติทางการเงินของตนเองไม่ให้เป็นหนี้เสีย อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อการขอสินเชื่อในอนาคตอีกด้วย
โดยคุณสมบัติผู้สนใจสมัครเข้าร่วม “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” นั้น ต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ มีอายุไม่เกิน 70 ปี มียอดหนี้รวมกันไม่เกิน 2 ล้านบาท และเป็นหนี้เสียมากกว่า 120 วัน และเพื่อความรวดเร็วในการพิจารณาผลการสมัคร ซึ่งต้องเตรียมเอกสารสำคัญประกอบการสมัคร ดังนี้ 1. เอกสารรายงานเครดิตบูโร 2. สำเนาบัตรประชาชน 3. สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 1 เดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน (กรณีผู้มีรายได้ประจำ) / รายการเดินบัญชี (Statement) อย่างน้อย 3 เดือน หรือหนังสือรับรองรายได้ (กรณีอาชีพอิสระ)
จากตัวเลขสถิติ ณ 31 มกราคม 2566 (ตั้งแต่ปี 2560- มกราคม 2566) พบว่า มีจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 36,000 ราย คิดเป็นจำนวนบัญชีทั้งหมด 105,800 บัญชี เป็นภาระหนี้เงินต้นตามสัญญาฯ จำนวน 7,140 ล้านบาท โดยมีจำนวนลูกค้าที่ชำระหนี้เสร็จสะสม จำนวน 1,080 ราย คิดเป็น 2,800 บัญชี เป็นภาระหนี้เงินต้นตามสัญญาฯ จำนวน 146 ล้านบาท