ข่าวเศรษฐกิจ

ต่างชาติลงทุนในไทยไตรมาสแรกพุ่ง 25%กว่า 3.3หมื่นล้านบาทญี่ปุ่นอันดับ 1

21 เม.ย. 66
ต่างชาติลงทุนในไทยไตรมาสแรกพุ่ง 25%กว่า 3.3หมื่นล้านบาทญี่ปุ่นอันดับ 1

กระแสนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาตั้งฐานการผลิต หรือเข้ามาลงทุนในไทยมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะฐานการผลิตรถยนต์ EV ภาพรวมของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยในช่วงไตรมาสแรกปีนี้เป็นอย่างไร 

วันนี้ SPOTLIGHT จะพามาดูรายละเอียดว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง เพิ่มขึ้นหรือลดลง และเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมอะไร และเป็นประเทศไหนที่สนใจมาลงทุนในไทย

ไตรมาสแรกปี 2566 (มกราคม - มีนาคม) มีชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 174 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 33,048 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 1,932 คน 

โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ 

  1. ญี่ปุ่น 46 ราย คิดเป็น 26% เงินลงทุน 12,172 ล้านบาท 
  2. สิงคโปร์ 30 ราย คิดเป็น 17% เงินลงทุน 4,507 ล้านบาท 
  3. สหรัฐอเมริกา 25 ราย 14% เงินลงทุน 1,687 ล้านบาท 
  4. จีน 10 ราย คิดเป็น 6% เงินลงทุน 10,987 ล้านบาท 
  5. สมาพันธรัฐสวิส 9 ราย คิดเป็น 5% เงินลงทุน 1,677 ล้านบาท  

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้งานสลิงและอุปกรณ์ช่วยยกในงานขุดเจาะ องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในโครงการรถไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการทำงานของระบบการให้บริการรายการโทรทัศน์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet Protocol Television : IPTV) องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบ การสร้างแบบจำลองแบบ 3 มิติ และการทำงานของแดมเปอร์เฉพาะทางบนคอมพิวเตอร์ และองค์ความรู้เกี่ยวกับทักษะการออกแบบแม่พิมพ์โลหะ (Die Cast) สำหรับชุดจ่ายน้ำมันและโช้คอัพรถจักรยานยนต์ เป็นต้น 

เมื่อเปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 พบว่า มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจ

ในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 28 ราย คิดเป็นร้อยละ 19 (มกราคม - มีนาคม 2566 อนุญาต 174 ราย / มกราคม - มีนาคม 2565 อนุญาต 146 ราย) มูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 6,664 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25 (มกราคม - มีนาคม 2566 ลงทุน 33,048 ล้านบาท / มกราคม - มีนาคม 2565 ลงทุน 26,384 ล้านบาท) และจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้น 246 ราย คิดเป็นร้อยละ 15 (มกราคม - มีนาคม 2566 จ้างงาน 1,932 คน / มกราคม - มีนาคม 2565 จ้างงาน 1,686 คน) โดยจำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนสูงสุด คือ ญี่ปุ่น เช่นเดียวกับปี 2565

โดยธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเดือนมกราคม - มีนาคม 2566 ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ นโยบายการส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อาทิเช่น

  1. บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย
  2. บริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหา ติดตั้ง ปรับปรุง พัฒนา ทดลองระบบ เชื่อมระบบ และการเปิดใช้งาน ตลอดจนการบริหารจัดการ สำหรับโครงการรถไฟฟ้า
  3. บริการก่อสร้าง รวมทั้ง ติดตั้งและทดสอบเกี่ยวกับการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติและสถานีควบคุมก๊าซธรรมชาติและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก
  4. บริการทางวิศวกรรมด้านการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจวิศวกรรมยานยนต์
  5. บริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัลซึ่งเป็นการพัฒนาปรับปรุงแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการแพลตฟอร์มกลาง
  6. บริการเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งให้บริการแก่กิจการของวิสาหกิจในเครือในต่างประเทศ

สำหรับ การลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ เดือนมกราคม - มีนาคม 2566 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 31 ราย คิดเป็น 18% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด

โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 3,264 ล้านบาท คิดเป็น 10% ของเงินลงทุนทั้งหมด 

  1. นักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 13 ราย ลงทุน 1,826 ล้านบาท 
  2. จีน 5 ราย ลงทุน 529 ล้านบาท 
  3. ไต้หวัน 3 ราย ลงทุน 37 ล้านบาท 
  4. ประเทศอื่นๆ อีก 10 ราย ลงทุน 872 ล้านบาท 

สำหรับธุรกิจที่ลงทุน อาทิเช่น 

1 ริการทางวิศวกรรมด้านการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจวิศวกรรมยานยนต์ 

2.บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การออกแบบ และทดลองการใช้งานเครื่องอัดอากาศ และดำเนินการวิเคราะห์ทางวิศวกรรม เป็นต้น 

3.บริการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนโลหะ และชิ้นส่วนพลาสติก 

4.บริการรับจ้างผลิตถุงบรรจุภัณฑ์พลาสติก พาเลทพลาสติก ฟิล์มพลาสติก และบรรจุภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ 

5.การค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ เป็นต้น

สำหรับเดือนมีนาคม 2566 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 61 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทาง *การขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 19 ราย และ *การขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 42 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 6,292 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 281 คน ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ 

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับทักษะการออกแบบแม่พิมพ์โลหะ (Die Cast) สำหรับชุดจ่ายน้ำมันและโช้คอัพรถจักรยานยนต์ องค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้งานสลิงและอุปกรณ์ช่วยยกในงานขุดเจาะ องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการออกแบบเครื่องประดับแบบสามมิติขั้นสูง (Advance CAD Techniques) องค์ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาการเชื่อมต่อแบบ Application Program Interface (API) กับ Payment gateway เป็นต้น 

 สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่  

  • บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย 
  • บริการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพและปริมาณของสินค้าประเภทวัสดุและชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตเครื่องประดับ
  • กิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) โดยให้ใช้ระบบจัดจำหน่ายสินค้าประเภทอะไหล่ ชิ้นส่วน และวัสดุจำเป็นในการบำรุงรักษาและซ่อมแซมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ผ่านเว็บไซต์
  • บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การให้คำปรึกษาด้านวิศวกรรม บริการออกแบบทางวิศวกรรม เป็นต้น
  • การค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ชิ้นส่วนโลหะ และยานยนต์ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ

advertisement

SPOTLIGHT