ปฏิกิริยาตลาดหุ้นไทยเช้าวันที่ 3พ.ย.2565 หลังรับรู้เฟดขึ้นดอกเบี้ยแรง 0.75%ตามคาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นไยล่าสุด 10.08 น. เคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,624.16 จุด ลดลง 0.92 จุด มูลค่าการซื้อขายประมาณ 6,760 ล้านบาท ด้านค่าเงินบาทอ่อนค่าลงทุนทีจากเมื่อวานนี้ ราว 0.20 บาท ล่าสุดอยู่ที่ 37.83 บาท /ดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อคืนที่ผ่านมาถือว่า ธนาคารธนาคารกลางสหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันแล้ว ทำให้อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอยู่ที่ 3.75% - 4.00% ทิ้งห่างอัตราดอกเบี้ยไทย 2.75 – 3% เพราะดอกเบี้ยนโยบายของไทยปัจจุบันอยู่ที่ 1.00% และยังเหลือกาประชุมอีก 1 ครั้งในปี 2022 โดยของเฟดคือ
13-14 ธ.ค.2565 ส่วนกนง. ของไทย คือ 30 พ.ย.2565
แนวโน้ม FED ขึ้นดอกเบี้ยต่อ
สรุปแถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐ แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นบ้าง จากการใช้จ่ายและการผลิตที่ขยายตัวขึ้นการจ้างงานปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง อัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงเร่งตัวขึ้นอยู่ในระดับสูงซึ่งเป็นผลกระทบมาจากสงครามรัสเซีย ยูเครนเป็นหลัก โดยเฟดยังคงมุ่งมั่นบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% FOMC ให้ความสนใจเรื่องความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อเป็นอย่างมาก
คณะกรรมการ FOMC พยายามหาแนวทางที่จะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพและอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ในระยะยาว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้ตัดสินใจปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้น 0.75% สู่ระดับ 3.75-4.00% และคาดว่าการปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกในวันข้างหน้านั้นจะเป็นเรื่องที่เหมาะสม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการรักษาจุดยืนด้านนโยบาย ซึ่งก็คือการลดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
นอกจากนี้ คณะกรรมการจะยังคงปรับลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ตามที่ได้อธิบายไว้ในแผนการปรับลดขนาดงบดุลบัญชีของเฟด (Plans for Reducing the Size of the Federal Reserve's Balance Sheet) ซึ่งมีการเผยแพร่ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
สำหรับกรรมการเฟดผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ เจอโรม เอช พาวเวล ประธานเฟด, จอห์น ซี วิลเลียมส์ รองประธานเฟด, ไมเคิล เอส บาร์, มิเชล ดับเบิลยู โบว์แมน, ลาเอล เบรนาร์ด, เจมส์ บูลลาร์ด, ซูซาน เอ็ม คอลลินส์, ลิซา ดี คุก, เอสเธอร์ แอล จอร์จ, ฟิลิป เอ็น เจฟเฟอร์สัน, ลอเร็ตตา เจ เมสเตอร์ และคริสโตเฟอร์ เจ วอลเลอร์
ตลาดหุ้นไทยไม่น่าลงแรง จับตาประเด้นจีนล็อคดาวน์เพิ่ม
นักวิเคราะห์ฯ อย่างนายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง แม้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาดแต่ส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อในระดับที่อาจสูงกว่าคาดกดดันดาวน์โจนส์ดิ่ง รวมทั้งจีนสั่งล็อกดาวน์เมืองเจิ้งโจวและโรงงานฟ็อกซ์คอนน์ แต่เชื่อตลาดหุ้นไทยลงไม่มาก และนักลงทุนหันมาสนใจงบ บจ.ไตรมาส 3/65 มากกว่า พร้อมให้แนวต้าน 1,631 และ 1,640 จุด แนวรับ 1,612 จุดหากไม่หลุดก็จะปรับขึ้นต่อได้
นายถนอมศักดิ์ คาดว่า ตลาดหุ้นไทยคงไม่ลงไปแรงถึง 1% ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคปรับตัวลงกว่า 1% เนื่องจากนักลงทุนหันกลับมาให้ความสนใจผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่จะทยอยประกาศงบไตรมาส 3/65 วันนี้เป็นคิว ADVANC ซึ่งมีประเด็นที่ต้องติดตามเพิ่มเติมว่าบอร์ดจะตัดสินใจลงทุนใน JASIF อย่างไร