คลินิกแก้หนี้ปรับเกณฑ์ให้ครอบคลุมถึงลูกหนี้ที่มีสถานะเป็นหนี้เสียก่อน 1 กันยายน 2565 และปรับทางเลือกการปรับโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายใหม่ ที่เป็นหนี้เสียก่อน 1 กันยายน 2565 มีระยะเวลาการผ่อนหลากหลายขึ้น
หนี้แบบไหนเข้าโครงการคลินิกแก้หนี้
- หนี้เสีย บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล ที่ไม่มีหลักประกันของสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ
- หนี้เสีย ของบุคคลธรรมดา ที่มีรายได้ อายุไม่เกิน 70ปี
- หนี้เสีย NPL ก่อนวันที่ 1 กันยายน 2565
- หนี้เสีย รวมไม่เกิน 2 ล้านบาท
ช่องทางการเข้ารับโครงการ
- เว็บไซต์ คลีนิกแก้หนี้.com
- ไลน์ @debtclinicbysam
- เฟซบุ๊ก คลินิกแก้หนี้by SAM
- โทร. 1443 ได้ทุกวัน เวลา 9:00-19:00 น.
เอกสารที่ต้องเตรียม
- รายงานจากเครดิตบูโร
- บัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน
- ใบเปลี่ยนชื่อ นามสกุลหากมี
- เอกสารแสดงรายได้
- ลลิปเงิปดือนล่าสุด 1 เดือนหรือหนังสือรับรองเงินเดือน
อาชีพอิสระรายการเงินในบัญชีย้อนหลัง 3 เดือน หรือหนังสือรับรองรายได้
เกณฑ์ในการปรับโครงสร้างหนี้
จากเดิม ที่โครงการคลินิกแก้หนี้กำหนดการปรับโครงสร้างหนี้โดยให้ลูกหนี้ผ่อนชำระเงินต้นเป็นรายเดือน โดยจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี เป็นระยะเวลานานสูงสุด 10 ปี แต่เพื่อเป็นทางเลือกในการปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะกับบริบทเศรษฐกิจมากขึ้น คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้(กคน.) จึงได้ปรับปรุงเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ ในโครงการคลินิกแก้หนี้ 2 เรื่อง ได้แก่
- ปรับเกณฑ์คุณสมบัติการสมัครเข้าร่วมโครงการ ให้ครอบคลุมลูกหนี้ที่มีสถานะเป็นหนี้เสียจากเดิม ก่อนวันที 1 เมษายน 2565 เป็นก่อนวันที 1 กันยายน 2565 เพื่อรองรับหนี้เสียรายใหม่ให้สามารถเข้าร่วมโครงการได้
- ปรับทางเลือกการปรับโครงสร้างหนี้จากเดิมที่มีเพียงทางเลือกเดียว เป็น 3 ทางเลือก ดังนี้
2.1 ผ่อนชำระไม่เกิน 4 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี
2.2 ผ่อนชำระนานกว่า 4 ปี ไม่เกิน 7 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี
2.3 ผ่อนชำระนานกว่า 7 ปี ไม่เกิน 10 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี
โดยให้มีผลสำหรับหนี้ใหม่ที่เริ่มผ่อนชำระในโครงการตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2565 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ลูกหนี้ควรพิจารณาทางเลือกในการปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ของตนเอง โดยลูกหนี้สามารถชำระและปิดจบหนี้ได้เร็วกว่าเงื่อนไขที่ตกลงไว้ โดยไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมหรือค่าปรับใด แต่หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไข ก็อาจต้องออกจากโครงการไป
“มหกรรมร่วมใจแก้หนี้: มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ลงทะเบียน 26 ก.ย.นี้
นอกจากคลินิคแก้หนี้แล้ว ธปท. ยังได้ร่วมกับกระทรวงการคลังแถลงข่าวการจัดงาน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้: มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ซึ่งครอบคลุมหนี้ประเภทต่าง ๆ จากเจ้าหนี้เอกชน และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมประมาณ60 แห่ง มีกำหนดจะเริ่มเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนออนไลน์เป็นเวลาประมาณ 2 เดือนตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2565 มุ่งช่วยลูกหนี้ที่ประสบปัญหาการชำระหนี้ รายได้ยังไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบ ของโควิด-19 และยังไม่ได้รับความช่วยเหลือที่ผ่านมา จึงขอให้ประชาชนที่เข้าข่ายโปรดติดตามข่าว และ เตรียมตัวลงทะเบียนต่อไป
ภาวะเศรษฐกิจไทย ยังมีผลกระทบต่อการจ่ายคืนหนี้
คุณธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยว่า แม้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวชัดเจนขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย แต่การฟื้นตัวดังกล่าวยังไม่ทั่วถึง ประกอบกับค่าครองชีพและอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชนยังแตกต่างกัน โดยบางกลุ่มยังผ่อนชำระได้น้อย จึงต้องใช้เวลานาน ในขณะที่บางกลุ่มสามารถผ่อนชำระเป็นจำนวนเงินสูงขึ้นได้ เพื่อให้หมดภาระหนี้เร็วขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานของโครงการคลินิกแก้หนี้สะสมจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2565 มีลูกหนี้เข้าโครงการจำนวน 30,137 ราย รวม 90,539 บัญชี ภาระหนี้เงินต้นตามสัญญา 6,849 ล้านบาท โดยเฉลี่ยลูกหนี้ 1 ราย มีเจ้าหนี้ในโครงการ 2 ราย เงินต้นคงเหลือตามสัญญา 232,844 บาท ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เข้าโครงการในช่วงสถานการณ์โควิด-19 คือ ปี2563 ถึงปัจจุบัน จำนวน 26,943 ราย 78,744 บัญชี