ข่าวเศรษฐกิจ

น้ำมันดีดแรงทะลุ 120 เหรียญ "ปูติน"ขู่ชาติไม่เป็นมิตรต้องซื้อเป็นเงินรูเบิล

24 มี.ค. 65
น้ำมันดีดแรงทะลุ 120 เหรียญ "ปูติน"ขู่ชาติไม่เป็นมิตรต้องซื้อเป็นเงินรูเบิล

 

น้ำมันโลกดีดตัวแรงกลับไปแตะ 122 ดอลลาร์ ราคาพุ่งคืนเดียวกว่า 5% หลังพายุกระทบการส่งออกน้ำมันของคาซัคสถาน ด้าน "ปูติน" ประกาศเอาคืนประเทศไม่เป็นมิตร ให้จ่ายค่าซื้อก๊าซเป็นเงินรูเบิลเท่านั้น

 


เมื่อคืนที่ผ่านมา (23 มี.ค. 65) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส สหรัฐ ปิดตลาดพุ่งขึ้นถึง 5.66 ดอลลาร์ หรือ 5.2% ไปอยู่ที่ 114.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 6.12 ดอลลาร์ หรือ 5.3% ปิดที่ 121.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นราคาปิดตลาดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. 2565 และเป็นอีกครั้งที่ราคาน้ำมันโลกขึ้นไปทะลุระดับ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันกลับมาแพงขึ้นมากอีกครั้ง เป็นเพราะบริษัทแคสเปียน ไปป์ไลน์ คอนซอร์เทียม (CPC) สัญชาติคาซัคสถาน ไม่สามารถส่งออกน้ำมันจากโรงงานที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลดำของรัสเซีย เนื่องจากประสบความเสียหายจากพายุ ซึ่งคาดว่าโรงงานขนถ่ายน้ำมัน 2 แห่งที่ทะเลดำ จะต้องใช้เวลาซ่อมแซมถึงราว 1 เดือนครึ่ง

 

ปัญหาดังกล่าวจึงทำให้ตลาดกังวลเรื่องซัพพลายน้ำมันที่จะตึงตัวขึ้นอีกครั้ง โดยน้ำมันส่วนใหญ่ที่ส่งออกจากท่อส่งน้ำมันของ CPC เป็นของรัสเซีย คาซัคสถาน รวมทั้งน้ำมันของบริษัทอื่นๆ เช่น เชฟรอน โดยที่ผ่านมานั้น CPC ส่งออกน้ำมันราว 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 1.2% ของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก

 

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่กลับมาแพงขึ้น ยังเป็นเพราะการเปิดเผยข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล

 

สำหรับสถานการณ์ในรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพลังงานโดยตรงนั้น ล่าสุด ประธานธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้ประกาศว่าประเทศที่อยู่ในรายชื่อ "ไม่เป็นมิตร" ของรัสเซีย จะต้องชำระค่าซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเป็น "สกุลเงินรูเบิล" เท่านั้น



"เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลสำหรับเราที่จะขายสินค้าของเราให้แก่สหรัฐและสหภาพยุโรป และรับการชำระค่าซื้อสินค้าเป็นสกุลดอลลาร์ ยูโร และสกุลเงินอื่น" ปธน.ปูตินกล่าว

 

ปูติน ระบุว่า ได้แจ้งให้ธนาคารกลางและรัฐบาลรัสเซียจัดเตรียมกระบวนการชำระเงินเป็นสกุลรูเบิลภายใน 1 สัปดาห์ อย่างไรก็ดี ยืนยันว่ารัสเซียจะยังคงส่งมอบก๊าซธรรมชาติตามปริมาณและราคาที่ระบุในสัญญา โดยสิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือสกุลเงินในการชำระค่าก๊าซธรรมชาติเท่านั้น

 

ทั้งนี้ ประเทศและดินแดนที่มีการระบุในรายชื่อ "ไม่เป็นมิตร" ของรัสเซีย คือกลุ่มที่ออกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย หลังการบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ประกอบไปด้วย สหรัฐ, แคนาดา, สหภาพยุโรป, สหราชอาณาจักร (รวมทั้งดินแดนในอาณัติ), ยูเครน, มอนเตเนโกร, สวิตเซอร์แลนด์, อัลเบเนีย, อันดอร์รา, ไอซ์แลนด์, ลิกเตนสไตน์, โมนาโก, นอร์เวย์, ซาน มาริโน, นอร์ท มาซิโดเนีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย, ไมโครนีเซีย, นิวซีแลนด์, สิงคโปร์ และไต้หวัน

 

ด้านนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย เตือนว่า ตลาดพลังงานโลกอาจล่มสลาย หากประเทศต่างๆออกมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย



"รัสเซียเป็นผู้จัดส่งพลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีสัดส่วนในตลาดโลกราว 40% โดยตลาดน้ำมันและก๊าซของโลกจะล่มสลาย หากรัสเซียไม่สามารถส่งออกไฮโดรคาร์บอนเนื่องจากถูกคว่ำบาตร" นายโนวัค กล่าว

 

ทั้งนี้ สหภาพยุโรป (อียู) กำลังพิจารณาขยายมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ให้รวมถึงการห้ามนำเข้าไฮโดรคาร์บอน แต่บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของอียู ยังคงไม่สามารถได้ข้อสรุปในประเด็นดังกล่าว

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT