
กุ้ง เป็นหนึ่งสินค้าอาหารที่สำคัญของไทย และไทยเคยเป็นผู้ส่งออกกุ้งอันดับ 1 ของโลก โดยในปี 2554 ไทยผลิตกุ้งได้ราว 600,000 ตัน แต่นับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา ผลผลิตกุ้งของไทยลดฮวบลงเหลือเพียงประมาณ 250,000 ตัน เนื่องจากปัญหาโรคระบาดในกุ้ง ส่งผลให้กุ้งไทยเสียส่วนแบ่งตลาดให้ประเทศคู่แข่งไป
จากวันนั้นจนวันนี้ ผ่านมามากกว่า 10 ปี ผลผลิตกุ้งไทยยังไม่ฟื้นกลับไปใกล้เคียงระดับเดิม และล่าสุด ภัยพิบัติน้ำท่วมภาคใต้ สร้างความเสียหายต่อบ่อเลี้ยงกุ้ง ทำให้ผลผลิตหายไปอีกราว 10% ของผลผลิตรวมทั้งปี
ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมกุ้งไทยคาดว่าในปี 2569 การส่งออกกุ้งไทยจะมีโอกาสเติบโตดี เนื่องจากได้อานิสงส์จากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯที่ทุบการส่งออกกุ้งของอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกกุ้งเบอร์ 1 ของโลก แต่ในขณะที่มีโอกาสจากฝั่งตลาด ฝั่งผลผลิตของไทยยังไม่ฟื้น และจะไม่สามารถคว้าโอกาสนี้ได้เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมกุ้งไทยจึงรวมตัวกันส่งเสียงเรียกร้องให้ภาครัฐช่วยแก้ปัญหาในการเลี้ยงกุ้ง เพื่อเพิ่มผลผลิตให้กลับไปสู่ระดับที่เหมาะสม
ในวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ตัวแทนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมกุ้งไทย นำโดย เอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย ได้แถลงภาพรวมอุตสาหกรรมกุ้งโลกและแนวโน้มกุ้งไทย 2569 พร้อมส่งเสียงไปถึงภาครัฐให้ช่วยแก้ปัญหาของอุตสาหกรรมกุ้งไทย โดยเปิดเผยข้อมูลว่า ผลผลิตกุ้งไทยปี 2568 มีปริมาณ 270,000 ตัน ทรงตัวเท่ากับปี 2567 โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการผลิตกุ้งไทยในปีนี้ คือ สภาพอากาศที่แปรปรวนในช่วงต้นปีและปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงของเกษตรกร เนื่องจากทำให้คุณภาพน้ำและทำให้เกิดโรคระบาด โดยเฉพาะโรคขี้ขาวและโรคตัวแดงดวงขาว เกษตรกรจึงจับกุ้งเร็วกว่ากำหนด
นอกจากนั้น ปัจจัยกระทบล่าสุด คือ มหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ที่สร้างความเสียหายรุนแรงในพื้นที่จังหวัดสงขลา สตูล และปัตตานี ซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงกุ้งที่สำคัญของไทย โดยสัดส่วนผลผลิตหลักมาจากภาคใต้ตอนบนคิดเป็น 37% และภาคใต้ตอนล่างฝั่งอันดามัน คิดเป็น 23% ของผลผลิตรวมทั้งประเทศ
ในขณะที่สถานการณ์ผลผลิตกุ้งไทยปี 2568 ทรงตัวเทียบเท่าปีก่อนหน้า สถานการณ์ผลผลิตกุ้งทั้งโลกกลับสวนทาง นายกสมาคมกุ้งไทยคาดว่าในปี 2568 ทั่วโลกมีปริมาณการผลิตกุ้ง 5.22 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า โดยการผลิตของประเทศผู้ผลิตหลักเพิ่มขึ้นทุกประเทศ โดยเฉพาะเอกวาดอร์ที่ผลิต 1.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% ตามด้วย จีน ผลิต 1.34 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6%
ภาพรวมการส่งออกกุ้งในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ปรับตัวลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) ทั้งปริมาณและมูลค่า เป็นผลมาจากหลายปัจจัย ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ส่งผลต่อการบริโภคในตลาดคู่ค้าสำคัญของไทยทั้งญี่ปุ่น จีน และสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ตลาดในประเทศเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากสถานการณ์การบริโภคกุ้งที่ดีขึ้น โดยขณะนี้สัดส่วนการบริโภคกุ้งในประเทศคิดเป็นประมาณ 15% ของผลผลิตกุ้งทั้งหมด
ด้านราคากุ้ง นายกสมาคมกุ้งไทยกล่าวว่า ราคากุ้งปีนี้อยู่ในเกณฑ์ดี ผลจากการบริโภคกุ้งในประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้ราคากุ้งครึ่งปีแรกสูงขึ้น 10%-15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นแรงจูงใจให้ผู้เลี้ยงกุ้งเพิ่มปริมาณการเลี้ยง แต่ในปลายไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ราคากุ้งลดลงเล็กน้อย 5%-10% เพราะปริมาณฝนมากขึ้น เกษตรกรจึงเร่งจับกุ้งก่อนกำหนด เพื่อเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดจากปริมารน้ำฝน
ส่วนผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ สงขลา พัทลุง และปัตตานีนั้น นายกสมาคมกุ้งไทยบอกว่า ทางสมาคมอยู่ระหว่างการประเมินความเสียหาย เบื้องต้นคาดการณ์ว่ามีความเสียหายจากการสูญเสียกุ้งในบ่อประมาณ 1,000 ล้านบาท และปริมาณผลผลิตจากพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยครั้งนี้ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของผลผลิตทั้งหมดในประเทศ
“นอกจากความเสียหายต่อผลผลิตกุ้งในบ่อแล้ว ยังมีความเสียหายของเครื่องตีน้ำและอุปกรณ์ต่าง ๆ ในฟาร์ม ซึ่งอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้การจัดงบประมาณเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูเกษตรกรในการซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่ภาคใต้อย่างเร่งด่วน เพื่อให้สามารถกลับมาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ทันในครอปหน้า”
สำหรับคาดการณ์ปี 2569 นายกสมาคมกุ้งไทยกล่าวว่า ปี 2569 เป็นปีที่มีความสำคัญ เพราะถือเป็นจุดพลิกฟื้นอุตสาหกรรม มีปัจจัยที่เอื้อให้กุ้งไทยมีโอกาสทางการตลาด โดยเฉพาะอัตราภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) และมาตรการตอบโต้การอุดหนุน (CVD) ของสหรัฐฯ ที่ใช้กับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกกุ้งอันดับ 1 ของโลก ที่โดนสหรัฐฯเรียกเก็บภาษีนำเข้าอัตรา 50%-60% ขณะที่ไทยได้รับอัตราภาษี 19% ส่งผลให้กุ้งไทยมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น
สมาคมกุ้งไทยเสนอให้ภาครัฐเร่งผลักดันการแก้ปัญหาการผลิตกุ้งเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อเพิ่มผลผลิตกุ้งคุณภาพให้ได้ตามเป้า 400,000 ตัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ห้องเย็นในการรับออร์เดอร์ และเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศผู้นำเข้ากุ้ง ได้แก่ สหภาพยุโรป อังกฤษ และเกาหลีใต้ พร้อมทั้งขอให้รัฐยกระดับการฟาร์มกุ้งไทยให้สามารถปรับตัวเข้าสู่การรับรองมาตรฐานสากลตามที่ตลาดต้องการ รวมถึงการดำเนินโครงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาร์บอนต่ำ เพื่อตอบโจทย์ตลาดโลกที่ให้ความสำคัญเรื่องการสร้างความยั่งยืนมากขึ้น
“ฝากถึงพรรคการเมืองที่จะเสนอตัวเป็นรัฐบาลในสมัยหน้า ต้องมีการกำหนดนโยบายภาคการเกษตร โดยเฉพาะการส่งเสริมอุตสาหกรรมกุ้งให้กลับมามีความเข้มแข็ง และพ้นจากหล่มผลการผลิต 270,000 ตันให้ได้ เพราะที่ผ่านมาไทยติดอยู่กับปัญหาโรคกุ้งจนเสียโอกาสไปมากแล้ว ปี 2569 เป็นปีที่ตลาดเปิดเต็มที่ เราต้องผลิตกุ้งให้ได้ เพื่อคว้าโอกาสทางการตลาดนี้กลับมา” เอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทยกล่าว