Logo site Amarintv 34HD
Logo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทำไมปีนี้ 'หาดใหญ่' น้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ25ปี? ทุบเศรษฐกิจสูญ500ล้าน
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ทำไมปีนี้ 'หาดใหญ่' น้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ25ปี? ทุบเศรษฐกิจสูญ500ล้าน

24 พ.ย. 68
17:49 น.
แชร์

สถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดสงขลาและอำเภอหาดใหญ่ ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังมวลน้ำจากฝนที่ตกหนักหลายวันหลากเข้าท่วมพื้นที่เมืองและชุมชนในวงกว้าง การจราจรหลายเส้นทางถูกตัดขาด ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังไม่สามารถเข้าถึงหลายจุดได้ทันเวลา ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องติดอยู่ในบ้านโดยไม่มีน้ำและอาหารเพียงพอ เหตุการณ์ครั้งนี้กำลังก่อให้เกิดความกังวลอย่างหนักในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ เนื่องจากสงขลาถือเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ การขนส่ง และการท่องเที่ยวของภาคใต้ตอนล่าง

ในวันนี้ (24 พฤศจิกายน 2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยอมรับระหว่างให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ในอำเภอหาดใหญ่ว่า ระดับน้ำที่หลากเข้ามานั้น “หนักขึ้นกว่าที่คาด” มวลน้ำยังคงไหลเข้าสู่เขตเมืองต่อเนื่องจากหลายทิศทาง ทั้งจากภูเขา ลำน้ำสายหลัก และคลองอู่ตะเภาที่ล้นตลิ่ง ส่งผลให้การระบายออกสู่ทะเลสาบสงขลาทำได้ยากขึ้น การเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยในบางจุดแทบเป็นไปไม่ได้เนื่องจากเส้นทางถูกน้ำท่วมสูงและมีกระแสน้ำแรง

สงขลาท่วมทั้งจังหวัด กระทบ 16 อำเภอ 821 หมู่บ้าน ชาวบ้านกว่า 6 แสนคนเดือดร้อน

ในวันนี้ จังหวัดสงขลาออกประกาศเขตภัยพิบัติแล้วครบทั้ง 16 อำเภอ หลังน้ำท่วมขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วในช่วงวันที่ 20-23 พฤศจิกายน 2568 นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า 115 ตำบล 821 หมู่บ้าน และ 167 ชุมชน ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม มีประชาชนเดือดร้อนแล้ว 243,568 ครัวเรือน รวม 635,423 คน ต้องอพยพฉุกเฉิน 1,224 คน ขณะเดียวกันมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 1 รายในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่

เขตที่ประสบภัยรุนแรงที่สุด ได้แก่ อำเภอหาดใหญ่ รัตภูมิ จะนะ นาหม่อม และสะเดา ซึ่งระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากการล้นตลิ่งของคลองอู่ตะเภา โดยน้ำได้ทะลักเข้าท่วมเขตสะเดา คลองหอยโข่ง และกำลังดันเข้าสู่ตัวเมืองหาดใหญ่ในหลายจุด บางพื้นที่ระดับน้ำเพิ่มขึ้นภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงจนประชาชนต้องหนีขึ้นที่สูง ขณะที่อีกหลายชุมชนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

ด้านความเสียหายเชิงโครงสร้าง จังหวัดพบว่าบ้านเรือนพังเสียหายทั้งหลังแล้ว 1 หลัง และบางส่วนอีก 3 หลัง สถานที่ราชการ 1 แห่งถูกน้ำท่วม โรงเรียน 7 แห่งและวัด 5 แห่งไม่สามารถเปิดใช้งานได้ ถนนในพื้นที่ท้องถิ่นรวมถึงทางหลวงมากกว่า 12 สายถูกน้ำกัดเซาะหรือท่วมจนไม่สามารถสัญจรได้ ขณะที่พื้นที่การเกษตรจำนวนมากถูกทำลาย ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อผลผลิตฤดูกาลถัดไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทำไมปีนี้น้ำท่วมสงขลาจึงรุนแรง? ผู้เชี่ยวชาญชี้ 3 ปัจจัยหลัก

สภาวการณ์ล่าสุดทำให้สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดสงขลาในปีนี้ถูกประเมินว่าเป็นหนึ่งในอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างกว้างขวาง และทำให้เกิดคำถามสำคัญว่าปีนี้เหตุการณ์รุนแรงกว่าปกติด้วยสาเหตุใดบ้าง 

ในประเด็นนี้ ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้เผยแพร่คำอธิบายในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยให้ภาพรวมทั้งทางภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และปัญหาการบริหารจัดการน้ำที่เชื่อมโยงกันจนกลายเป็นเหตุวิกฤตในครั้งนี้

ดร.สนธิ ระบุว่าพื้นที่ภาคใต้กำลังเผชิญวิกฤติรุนแรง โดยเฉพาะจังหวัดสงขลาที่ถูกน้ำท่วมครบทั้ง 16 อำเภอ ส่งผลกระทบกว่า 150,000 ครัวเรือน ขณะที่ทั้งภูมิภาคมีผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรวมกว่า 560,000 ครัวเรือน อำเภอหาดใหญ่เผชิญน้ำหลากหนักที่สุดในรอบ 25 ปี นับตั้งแต่น้ำท่วมปี 2543 โดยมีความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 500 ล้านบาท

ดร.สนธิอธิบายว่า ปัจจัยสำคัญประการแรกที่ทำให้เกิดอุทกภัยใหญ่ดังกล่าวในหาดใหญ่ คือ “ภูมิประเทศ” ของเมืองหาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ราบลุ่มต่ำ ลาดเอียงลงสู่ทะเลสาบสงขลา ทำให้น้ำจากพื้นที่โดยรอบไหลรวมลงมาได้ง่าย แต่ระบายออกได้ยาก โดยเฉพาะในช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุน ขณะเดียวกัน คลองอู่ตะเภา ซึ่งเป็นคลองสายหลักยาวกว่า 116 กิโลเมตร ไหลผ่านอำเภอหาดใหญ่ลงสู่ทะเลสาบสงขลา รวมถึงคลอง ร.1 หรือคลองภูมินาถดำริ ซึ่งเป็นโครงการระบายน้ำตามพระราชดำริในรัชกาลที่ 9 มีหน้าที่ช่วยผันน้ำจากตัวเมืองลงทะเลสาบให้เร็วขึ้น ทั้งหมดนี้ไหลจากทิศใต้ขึ้นเหนือมุ่งสู่ทะเลสาบสงขลา

นอกจากนี้ น้ำหลากจากหลายทิศยังเข้ามาสมทบกันในพื้นที่ ทั้งน้ำจากเขาคอหงส์ อำเภอนาหม่อม และอำเภอจะนะที่ไหลลงสู่คลองหวะ ก่อนมารวมกับคลองอู่ตะเภา รวมถึงน้ำจากเทือกเขานครศรีธรรมราชทางทิศตะวันตกที่ไหลเข้าสู่พื้นที่ลุ่มต่ำของอำเภอหาดใหญ่เช่นกัน ส่งผลให้ปริมาณน้ำทั้งหมดพุ่งเข้าสู่คลองอู่ตะเภาในระดับที่เกินขีดความสามารถของระบบระบายน้ำอย่างชัดเจน

ประการต่อมาคือ “สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน” ปีนี้มีฝนตกหนักกว่าปกติมาก เนื่องจากมวลอากาศเย็นจากจีนแผ่ลงมากดร่องมรสุมให้เลื่อนลงภาคใต้ ประกอบกับภาวะลานิญญาที่เพิ่มความชื้นในอากาศ ส่งผลให้ฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายจังหวัด ช่วงวันที่ 19-22 พฤศจิกายน ปริมาณฝนสะสมในพื้นที่ภาคใต้สูงถึง 595 มิลลิเมตร มากกว่าปี 2543 และ 2553 ที่เคยสูงสุดอยู่ที่ 515 มิลลิเมตร ขณะที่บริเวณเขาคอหงส์ อำเภอนาหม่อม มีปริมาณฝนในวันที่ 22 พฤศจิกายนเพียงวันเดียวสูงถึง 365 มิลลิเมตร ปริมาณฝนระดับนี้ทำให้ทุกสายธารเร่งไหลลงสู่คลองอู่ตะเภา ก่อนเอ่อล้นเข้าท่วมตัวเมืองในที่สุด

ด้านกรมชลประทานยังให้ข้อมูลที่สอดคล้องกัน โดยระบุว่าจังหวัดสงขลามีฝนตกหนักครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ซึ่งเผชิญปริมาณฝนสูงเป็นประวัติการณ์ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 วัดได้มากถึง 335 มิลลิเมตร ถือเป็นปริมาณฝนที่หนักที่สุดในรอบ 300 ปี ขณะที่ปริมาณฝนสะสมตลอดช่วงสามวันก่อนหน้า (19-21 พฤศจิกายน 2568) มีค่าเฉลี่ยสูงสุดถึง 630 มิลลิเมตร ตัวเลขเหล่านี้ช่วยสะท้อนเบื้องหลังความรุนแรงของอุทกภัยที่ถาโถมพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ 19-21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และเป็นปัจจัยสำคัญที่อธิบายว่าทำไมระดับน้ำจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกินขีดความสามารถของระบบระบายน้ำในหลายพื้นที่

อีกปัจจัยสำคัญคือ “การบริหารจัดการน้ำและระบบเตือนภัย” ที่ยังมีข้อจำกัด ดร.สนธิชี้ว่าการวางแผนและรับมือวิกฤติปีนี้ทำได้ไม่ดีเพียงพอ ทั้งที่มีข้อมูลแน่ชัดว่าปีนี้เป็นปีลานิญญาและมีโอกาสเกิดฝนหนักทั่วประเทศ แม้การแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast จะทำได้ล่วงหน้า 1-2 วัน และประชาชนได้รับข้อมูลทั่วถึง แต่การเตรียมพร้อมและการช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉินยังต่ำกว่ามาตรฐาน ชาวบ้านจำนวนมากต้องอพยพขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้าน และหลายพื้นที่ยังเข้าไม่ถึงอาหารและน้ำดื่มเพียงพอ การช่วยเหลือเป็นไปอย่างล่าช้า สะท้อนความบกพร่องสำคัญด้านระบบบริหารจัดการในภาพรวม

สถานการณ์ทั้งสามปัจจัย คือ ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และการจัดการ จึงผสานกันจนกลายเป็นอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ทำให้จังหวัดสงขลาต้องเผชิญความเสียหายอย่างที่เห็นในปีนี้

สำหรับแนวโน้มสภาพอากาศ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกระบุว่า ช่วงวันที่ 23-25 พฤศจิกายน พื้นที่สงขลายังคงมีฝนตกหนักหลายแห่ง เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ส่วนช่วงวันที่ 26-29 พฤศจิกายน แม้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะอ่อนกำลังลง แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงจนกว่าสถานการณ์น้ำจะคลี่คลาย


แชร์
ทำไมปีนี้ 'หาดใหญ่' น้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ25ปี? ทุบเศรษฐกิจสูญ500ล้าน