Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เวียดนามแซงไทยขึ้นที่1จุดหมายนักท่องเที่ยวจีน ไทยจ่อวืดรายได้แสนล้าน
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

เวียดนามแซงไทยขึ้นที่1จุดหมายนักท่องเที่ยวจีน ไทยจ่อวืดรายได้แสนล้าน

16 ก.ย. 68
13:06 น.
แชร์

ในช่วงแปดเดือนแรกของปี 2568 เวียดนามสร้างสถิติใหม่ด้วยการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 14 ล้านคน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นถึง 44% จากปีก่อน แตะ 3.5 ล้านคน กลายเป็นแรงขับเคลื่อนหลักและครองตำแหน่งตลาดใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเวียดนาม

ในทางกลับกัน ไทยซึ่งยังคงพึ่งพาตลาดจีนกลับเผชิญการหดตัวต่อเนื่อง ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงราว 35% ส่งผลให้เที่ยวบินตรงจากจีนสู่ไทยหายไปกว่า 11% เหลือเพียง 5.1 ล้านที่นั่ง ตามข้อมูลของ Cirium flight analytics ขณะที่เวียดนามกลับแซงหน้าไทยขึ้นแท่นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่ง โดยในช่วงเดียวกัน จีนแผ่นดินใหญ่เดินทางเข้าไทยราว 3 ล้านคน แต่เลือกไปเวียดนามมากถึง 3.5 ล้านคน

การเบี่ยงเส้นทางนักท่องเที่ยวจีนครั้งนี้มีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของไทย China Trading Desk ประเมินว่าไทยอาจสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีเดียว เพราะรายได้เหล่านี้กำลังไหลไปยังเวียดนามและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย ที่มีนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น 35% ในครึ่งปีแรก และจำนวนที่นั่งสายการบินจากจีนพุ่งเกือบ 50% หลังประกาศยกเว้นวีซ่าและได้แรงหนุนจากค่าเงินริงกิตที่อ่อนค่า ภาพรวมทั้งหมดสะท้อนถึงการปรับสมดุลของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากไทย

เวียดนามพุ่งแรง ธุรกิจ-รัฐบาลเสริมทัพดึงดูดจีน

ความสำเร็จของเวียดนามในปี 2568 ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หากแต่เป็นผลจากการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและธุรกิจเอกชน เพื่อตอบรับกระแสนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นกว่า 40% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางครั้งแรก กลุ่มนี้เดินทางอย่างอิสระ มีการศึกษา ไม่สนใจแพ็กเกจ “ธงนำ” ราคาถูก และพร้อมจ่ายเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แท้จริง นาย Subramania Bhatt ซีอีโอของ China Trading Desk อธิบายว่า “สำหรับนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ เวียดนามยังดูสดใหม่ หลายคนรู้สึกว่าที่นี่ให้ประสบการณ์จริง ไม่ถูกปรุงแต่งเหมือนบางจุดหมายปลายทาง”

ตัวอย่างชัดเจนคือกรณีของหู เจีย วัย 33 ปี จากมณฑลเสฉวน เธอและครอบครัวตัดสินใจเลี่ยงไทยในฤดูร้อน แม้จะเดินทางสะดวกกว่า แต่เลือกใช้เวลาสองสัปดาห์ในเวียดนามแทนเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย ครอบครัวเธอเดินทางด้วยรถนอนหรูจากฮานอยสู่ดานัง ใช้จ่ายราว 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ และย้ำว่า เวียดนามมีเสน่ห์เฉพาะ รู้สึกเป็นธรรมชาติและไม่ยังถูกแตะต้องหรือมีท่องเที่ยวเข้าไปมากจนทรุดโทรมหรือเสียเอกลักษณ์ ครอบครัวของหู เจียนี้เป็นส่วนหนึ่งของชาวจีนกว่า 3.5 ล้านคนที่ผลักดันให้เวียดนามขึ้นแท่นจุดหมายสำคัญ แซงหน้าไทยในปีนี้

เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลท้องถิ่นอย่างจังหวัดกว๋างนิงห์จัดเทศกาลร่มร่อนและบอลลูนเพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวพักนานขึ้น เมืองดานังเต็มไปด้วยป้ายภาษาจีนกลาง ตั้งแต่โรงแรม ร้านอาหารริมทาง ไปจนถึงร้านสปาและนวด หลายโรงแรมลงทุนจ้างพนักงานที่สื่อสารภาษาจีนได้ หรือไม่ก็ใช้แอปพลิเคชันแปลภาษาแบบเรียลไทม์ ด้านบริษัททัวร์ Hava Travel ในดานังและญาจางหันเหจากตลาดทัวร์ราคาประหยัดมาสู่กลุ่มบูทีคเต็มรูปแบบ โดยเดือนสิงหาคมเพียงเดือนเดียว บริษัทได้ให้บริการนักท่องเที่ยวจีนกว่า 2,000 คน เพิ่มขึ้น 20% จากต้นปี

ด้านธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารระดับบนก็รับอานิสงส์ โรงแรม Mercure Nha Trang Beach ของเครือ Accor รายงานว่าครึ่งหนึ่งของห้องพักในเวียดนามถูกจองโดยนักท่องเที่ยวจีนอย่างต่อเนื่อง ส่วนร้านอาหารหรู Viet Lam Ban Vi ตรงข้ามรีสอร์ท Crowne Plaza Danang ที่มีคาสิโนแห่งเดียวของเมือง มุ่งเจาะตลาดลูกค้าจีนกระเป๋าหนัก จัดห้องส่วนตัวประดับโคมไฟระย้าทองคำ พร้อมเสิร์ฟอาหารทะเลสดและหม้อไฟกวางตุ้ง ใบเสร็จต่อโต๊ะเกิน 400 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่ารายได้แรงงานเวียดนามหนึ่งเดือนเต็ม

พฤติกรรมการใช้จ่ายที่เปลี่ยนไปนี้ผลักดันยอดขายค้าปลีกด้านการท่องเที่ยวของเวียดนามให้พุ่งขึ้นกว่า 51% จนถึงเดือนสิงหาคม นักวิเคราะห์ของ BMI คาดว่าทั้งปี 2568 เวียดนามจะต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 22.6 ล้านคน ทะลุสถิติเดิมในปี 2562ที่ 18 ล้านคนอย่างขาดลอย

ไทยเสียความเชื่อมั่น ภาพลักษณ์ “ไม่ปลอดภัย-แพงเกินไป”

ในประเทศไทย แม้นักท่องเที่ยวจีนยังคงเป็นตลาดหลัก แต่การหดตัวต่อเนื่องทำให้ไทยสูญเสียความได้เปรียบเชิงโครงสร้าง โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไทยรวมลดลงถึง 7% ขณที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่ารายได้โรงแรมไทยปี 2568 จะหดตัวถึง 4.5% สะท้อนการลดลงของอัตราการเข้าพัก

หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงคือความกังวลด้านความปลอดภัย เหตุการณ์ลักพาตัวนักแสดงจีน หวัง ซิง ในเดือนมกราคมที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ล่อลวงมาไทยและส่งต่อไปเมียนมา ยังคงถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในจีน ทำให้ภาพลักษณ์ความเสี่ยงฝังแน่นยากจะลบเลือน นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย ยอมรับว่า “เราทำได้แย่มากในการสื่อสารว่า รัฐบาลได้กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยแล้ว”

อีกด้านหนึ่ง ราคาที่สูงขึ้นหลังโควิดก็เป็นจุดอ่อนสำคัญ นักท่องเที่ยวจีนหลายรายแสดงความไม่พอใจในโซเชียลมีเดียต่อค่าโรงแรม อาหาร และแท็กซี่ในไทยที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไทยสูญเสียชื่อเสียงด้าน “ความคุ้มค่า” ที่เคยเป็นจุดขายสำคัญ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและมาเลเซียกลับได้รับการยกย่องว่า “ถูกกว่า สดใหม่กว่า และปลอดภัยกว่า”

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังคงฝากความหวังไว้กับฤดูหนาวซึ่งเป็นไฮซีซันท่องเที่ยว โดยแพลตฟอร์ม Agoda เปิดเผยว่า กรุงเทพฯ ยังคงเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวกลับมาเยือนซ้ำมากที่สุดในเอเชีย หากไทยสามารถพลิกฟื้นความเชื่อมั่นจากตลาดจีนได้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็ยังมีโอกาสฟื้นตัวและทวงความเป็นศูนย์กลางกลับมาอีกครั้ง


แชร์
เวียดนามแซงไทยขึ้นที่1จุดหมายนักท่องเที่ยวจีน ไทยจ่อวืดรายได้แสนล้าน