เหล่าคนรักช็อกโกแลตยังคงต้องเตรียมใจควักเงินเพิ่มต่อเนื่องเพื่อซื้อขนมหวานจานโปรด หลังวิกฤตตลาดโกโก้ทั่วโลกยังไม่มีทีท่าจะคลี่คลาย ตลอดสองปีที่ผ่านมา ราคาวัตถุดิบสำคัญนี้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สาเหตุหลักมาจากสภาพอากาศเลวร้ายที่ถาโถมแอฟริกาตะวันตก การแพร่ระบาดของศัตรูพืช และข้อจำกัดด้านอุปทานในภูมิภาคที่ผลิตโกโก้มากถึง 75% ของทั้งโลก
แรงกดดันด้านราคาไม่ได้กระทบเฉพาะประเทศผู้ผลิต แต่ลุกลามมาถึงผู้บริโภคทั่วโลก ข้อมูลจากการสำรวจในปี 2024 ขององค์กรผู้บริโภคสหราชอาณาจักรเผยว่า สินค้าช็อกโกแลตเป็นหมวดที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดในซูเปอร์มาร์เก็ตเมื่อปีก่อน ราคาปรับเพิ่มเฉลี่ยถึง 11% ขณะที่ในสหรัฐฯ ขนมชื่อดังอย่าง Hershey’s Kisses ก็ขยับขึ้นราว 12% เมื่อเทียบปีต่อปี ยืนยันว่าผลกระทบจากวิกฤตราคาวัตถุดิบกำลังกัดกินกำลังซื้อและทำให้ขนมหวานกลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยมากขึ้น
Adalbert Lechner ซีอีโอของ Lindt & Sprüngli บริษัทผลิตช็อกโกแลตชื่อดังของโลก ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า เขาไม่เชื่อว่าราคาโกโก้ “จะหวนกลับไปสู่ระดับต่ำดังเช่นอดีต” พร้อมระบุว่าสถานการณ์ในปัจจุบันไม่ใช่เพียงแค่ความผันผวนชั่วคราว แต่สะท้อนถึง “โครงสร้างใหม่ของตลาด” ที่ผู้ผลิตและผู้บริโภคต้องปรับตัวรับมือในระยะยาว
CNBC รายงานว่า แม้ว่าราคาฟิวเจอร์สโกโก้จะเริ่มอ่อนตัวลงในปี 2025 จากระดับ 8,177 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 266,979 บาทต่อตันเมื่อต้นเดือนมกราคม เหลือราว 7,855 ดอลลาร์ หรือราว 256,465 บาทต่อตันในเดือนสิงหาคม แต่ราคาในระดับนี้ก็ยังถือว่าสูงมากและเพิ่มขึ้นถึง 230.9% เมื่อเทียบกับเพียง 2,374 ดอลลาร์ในปี 2022 ความแตกต่างนี้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคแทบไม่อาจคาดหวังการลดราคาช็อกโกแลตได้ในอนาคตอันใกล้
Tracey Allen นักกลยุทธ์สินค้าเกษตรจาก J.P. Morgan อธิบายกับ CNBC ว่า สถานการณ์ปัจจุบันคือ “อาการเมาค้าง” ของอุตสาหกรรม ผู้ผลิตยังคงเผชิญแรงกดดันจากราคาที่พุ่งทะยานขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2024 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดทำสถิติสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ เธอย้ำว่า “ราคาที่สูงเหล่านี้ยังคงส่งผลต่อทั้งอุตสาหกรรมในเชิงล่าช้า” เนื่องจากต้นทุนธุรกิจที่เพิ่มขึ้นกำลังถูกส่งผ่านต่อไปยังผู้บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ Allen ยังเตือนถึง “ภาวะขาดดุลต่อเนื่อง” ของตลาดโกโก้ ทั้งในแง่ผลผลิตเมล็ดโกโก้ที่ลดลงและการหดตัวของสินค้าสำเร็จรูป ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีส่วนตรึงราคาให้อยู่ในระดับสูง และอาจทำให้ช็อกโกแลตกลายเป็นสินค้าที่มีราคาแพงอย่างต่อเนื่องไปอีกนาน
สำหรับแนวโน้มราคาโกโก้ในระยะสั้น แม้ภาพรวมตลาดโกโก้ยังตึงตัว แต่ J.P. Morgan ประเมินว่าอาจเริ่มเห็นสัญญาณบวกในปี 2025 โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ ความต้องการจากฝั่งโรงงานเริ่มอ่อนแรงลง ขณะที่อุปทานมีแนวโน้มฟื้นตัว ทั้งจากผลผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยมากขึ้น รวมถึงต้นกล้าใหม่ในเอกวาดอร์และบราซิลที่เริ่มเข้าสู่ช่วงให้ผลผลิต อย่างไรก็ตาม ราคายังคงสูงในเชิงโครงสร้าง โดยคาดว่าจะทรงตัวเฉลี่ยราว 6,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตหลายเท่า
ถึงกระนั้น ความเสี่ยงก็ยังไม่หายไป Hamad Hussain นักเศรษฐศาสตร์ด้านภูมิอากาศและสินค้าโภคภัณฑ์จาก Capital Economics ชี้ว่า ปัญหาผลผลิตเรื้อรัง เช่น โรคพืช และการลงทุนต่ำเป็นเวลานานในโกตดิวัวร์และกานา ซึ่งเป็นสองผู้ผลิตโกโก้รายใหญ่ที่สุดของโลก หมายความว่าในระยะยาวอุปทานโกโก้โลกจะยังคงเปราะบาง แม้สภาพอากาศในแอฟริกาตะวันตกจะปรับตัวดีขึ้นก็ตาม
นอกจากนี้ แรงกดดันต้นทุนจากภายนอกก็ยังเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งราคาไม่ให้ลดลงเร็วเกินไป ในสหราชอาณาจักร ธุรกิจเผชิญกับต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำและการเพิ่มเงินสมทบของลูกจ้าง ซึ่งสะท้อนเข้ามาในราคาสินค้าอาหารรวมถึงช็อกโกแลต ขณะที่ในสหรัฐฯ มาตรการภาษีศุลกากรมีแนวโน้มซ้ำเติมต้นทุนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
“ผลลัพธ์คือ ผู้บริโภคยังคงต้องรับมือกับราคาช็อกโกแลตที่สูงกว่าปกติไปอีกระยะหนึ่ง” Hussain กล่าวสรุป