Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
​ทางรอดเศรษฐกิจไทย ในวันที่เผชิญความท้าทายรอบด้าน
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

​ทางรอดเศรษฐกิจไทย ในวันที่เผชิญความท้าทายรอบด้าน

9 ส.ค. 68
10:20 น.
แชร์

Highlight

ไฮไลต์

เศรษฐกิจไทยเผชิญวิกฤตซ้อนวิกฤตจากความขัดแย้งและการกีดกันทางการค้าโลก ประกอบกับปัญหาการเมืองภายในที่ไร้เสถียรภาพและนโยบายไม่ต่อเนื่อง ทำให้โครงสร้างอ่อนแอ ดร. พจน์ชี้ทางรอดเดียวคือต้อง "ปฏิวัติโครงสร้าง" ประเทศครั้งใหญ่ เร่งปฏิรูปการศึกษา สร้างคน เพิ่มทักษะแรงงาน ปรับปรุงกฎหมาย และเปิดตลาดการค้าใหม่

​ทางรอดเศรษฐกิจไทย ในวันที่เผชิญความท้าทายรอบด้าน
โดย ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์

ไฟ​สงครามความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลกกำลังลุกโชน ระเบียบโลกเก่ากำลังล่มสลายจากความเปราะบางสะสม การประกาศสงครามการค้าและกำแพงภาษีระลอกใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ก็เปรียบเสมือนการราดน้ำมันเข้ากองไฟ เปลวเพลิงแห่งความขัดแย้งได้ลุกลามเผาผลาญระเบียบการค้าโลกจนแทบไม่เหลือชิ้นดี สร้างความปั่นป่วนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่อาจหลีกหนีจากพายุเพลิงครั้งนี้ได้

SPOTLIGHT พาคุณผู้อ่านพบกับมุมมองและแนวทางฝ่าวิกฤตจากประสบการณ์กว่า 25 ปี ของ ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยคนที่ 26

​ท่ามกลางวิกฤตซ้อนวิกฤตนี้ การก้าวขึ้นรับตำแหน่งประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยของ ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ เสมือนการเข้ารับหน้าที่ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง ทั้งจากความขัดแย้งสงครามทางการค้าที่ปั่นป่วนเศรษฐกิจโลก และปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศที่สะสมมานานรอวันปะทุ

ปัจจัยภายนอก เมื่อสงคราม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยีรวมเป็นหนึ่ง

​ความท้าทายที่แตกต่างไปจากทุกวิกฤตที่เคยผ่านมา โลกในวันนี้ไม่ได้แบ่งเป็นสองขั้วที่ชัดเจนเหมือนในอดีต และยุคของโลกาภิวัตน์ (Globalization) ที่เคยยึดถือกฎระเบียบการค้าเสรีร่วมกันก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว​

ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

ดร.พจน์ กล่าวว่า "วันนี้มันเริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นโลกหลายค่าย หลายขั้ว แล้วก็กลายเป็นตัวใครตัวมัน ขั้วใครขั้วมันกันเลย โดยเอาวาระของตัวเองเป็นหลัก เอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นหลัก แล้วก็เริ่มละทิ้งหรือปล่อยปละละเลยกฎระเบียบของโลก"

​ปรากฏการณ์นี้ก่อให้เกิดความขัดแย้งรูปแบบใหม่ที่รุนแรงและซับซ้อนกว่าเดิม เป็นการต่อสู้ที่ผสมผสานกันทั้ง สงครามจริง (ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์รัสเซีย-ยูเครน, ตะวันออกกลาง, อินโด-แปซิฟิก), สงครามเศรษฐกิจ (การกีดกันทางการค้า, การตั้งกำแพงภาษี) และ สงครามเทคโนโลยี (การแข่งขันด้าน AI, Robotics) ซึ่งทั้งสามมิตินี้ได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว สร้างความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างประเทศอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

​"ณ ปัจจุบันนี้...มันกลายเป็นว่า 3 ตัวนี้รวมกันหมดเลย เป็นการต่อสู้ที่ครบหมด ทั้งสงครามจริงๆ ทั้งสงครามเศรษฐกิจ การกีดกันทางการค้า... และการต่อสู้กันทางเทคโนโลยี นี่คือสิ่งที่สำคัญที่ทำให้ 3 อย่างมารวมกันแล้วต่อสู้กัน"

ปัจจัยภายในที่กัดกินเศรษฐกิจไทย

​ขณะที่โลกภายนอกกำลังปั่นป่วน ดร.พจน์ ชี้ว่าปัญหาภายในประเทศก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยอ่อนแอและฟื้นตัวได้ช้า

“การเมืองไม่มีเสถียร นโยบายไร้ทิศทาง เศรษฐกิจไทย นิ่งมานานจาก ความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้นโยบายหลายอย่างที่ออกมากลายเป็นนโยบายที่ก่อปัญหากับอนาคตของประเทศไทยเมื่อการเมืองไม่เสถียร ก็ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง ทำให้การพัฒนาประเทศช้า รายได้ประชาชนไม่พอรายจ่าย และ หนี้สาธารณะเพิ่มสูง" ดร.พจน์กล่าว

การเมืองที่ไม่นิ่ง นโยบายที่ไม่นิ่ง ความขัดแย้งทางการเมืองที่ยาวนานทำให้ประเทศไทยขาด "แผนแม่บท" หรือ "วาระแห่งชาติ" ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ชัดเจนและต่อเนื่อง นโยบายต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปตามรัฐบาลที่เข้ามาบริหาร หลายครั้งเป็นนโยบายเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองระยะสั้นที่ก่อให้เกิดปัญหาระยะยาว เช่น นโยบายประชานิยมที่สร้างหนี้สาธารณะ หรือการหาเสียงด้วยการขึ้นค่าแรงโดยไม่อิงตามหลักเศรษฐศาสตร์และกรอบกฎหมาย
​การเมืองไม่มีเสถียรภาพ ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม มันเป็นการเปลี่ยนแปลงไปตามวาระของรัฐบาลที่เข้ามา แต่ไม่มีแผนแม่บทของประเทศที่จะต้องขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องส่งผลให้

  • ​การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ล่าช้า โครงการสำคัญที่ควรจะยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เช่น รถไฟความเร็วสูง, การขยายสนามบิน, และโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กลับดำเนินไปอย่างล่าช้า ทำให้ไทยสูญเสียโอกาสในการดึงดูดการลงทุนและสร้างความมั่งคั่ง
  • โครงสร้างภายในที่อ่อนแอ ประเทศไทยละเลยการพัฒนาในมิติที่สำคัญมานาน ทั้ง การสร้างคน ผ่านระบบการศึกษาที่ยังไม่ตอบโจทย์โลกยุคใหม่, การพัฒนาทักษะแรงงาน (Up-skill/Re-skill) ที่ทำได้ช้ามาก และ การสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ

​"เราอ่อนแอจากโครงสร้างตัวเองก่อน... ที่มันนานมากที่เราไม่มีการพัฒนาโครงสร้างข้างในเราเอง ไม่ได้สร้างความเข้มแข็งของเราเอง" ดร.พจน์กล่าว

​ทางรอด: "ปฏิวัติโครงสร้าง" คือคำตอบเดียว

​เมื่อเสาหลักทางเศรษฐกิจทั้ง 5 แท่งของประเทศ ได้แก่ การส่งออก, การท่องเที่ยวและบริการ, การลงทุน, การบริโภคภายใน, และตลาดทุน อยู่ในภาวะที่ ดร.พจน์ เรียกว่า "พิการ" หรือ "อัมพฤกษ์ชั่วคราว" ทางออกจึงไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ต้องเป็นการ "ปฏิวัติโครงสร้าง" ครั้งใหญ่

“ปัญหาเศรษฐกิจที่เราเจอวันนี้คือเราพิการทั้ง 5 แท่งได้แก่
การส่งออก การท่องเที่ยวและบริการ การลงทุนของภาครัฐและเอกชน การจับจ่ายใช้สอยภายในและตลาดทุน แม้จะไม่ถึงกับอัมพาต แต่ก็ เป็นอัมพฤกษ์ชั่วคราว และ ต้องรีบแก้ทันที”

​ดร.พจน์ เสนอแนวทางที่ต้องลงมือทำทันทีก่อนจะสายเกินไป

  1. รัฐบาลต้องจริงจัง: ผู้นำประเทศต้องเอา "ผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก" ไม่ใช่ผลประโยชน์ของพรรคการเมือง และต้องทำงานร่วมกับข้าราชการ เอกชน และประชาชนอย่างจริงจังและจริงใจ
  2. ปฏิรูปการศึกษาและสร้างคน: ปรับปรุงหลักสูตรและระบบการศึกษาทั้งหมดให้ทันโลก ปลูกฝังจิตสำนึกให้เยาวชนใฝ่รู้และเห็นความสำคัญของการทำงานสร้างชาติ
  3. ยกระดับแรงงานและนวัตกรรม: รัฐต้องร่วมมือกับเอกชนรายใหญ่เพื่อทำ Up-skill/Re-skill แรงงานไทยอย่างเร่งด่วน พร้อมทุ่มงบประมาณและออกมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนการทำวิจัยและพัฒนา (R&D) และการนำเทคโนโลยี AI และ Robotics มาใช้ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
  4. ปฏิรูปกฎหมายและต้นทุน: ตัดกฎหมายที่ล้าสมัยซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเติบโต และทบทวนโครงสร้างต้นทุนของประเทศ เช่น พลังงานและค่าแรง ให้มีความเป็นธรรมและไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลทางการเมือง
  5. เร่งเจรจาการค้า เปิดตลาดใหม่: ในภาวะที่สหรัฐฯ หันหลังให้กฎกติกาโลก ไทยต้องเร่งปิดดีลข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับคู่ค้าสำคัญอื่นๆ เช่น สหภาพยุโรป (EU) และแคนาดา เพื่อกระจายความเสี่ยงและขยายตลาดส่งออก

​แม้สถานการณ์จะดูน่ากังวล แต่ประธานสภาหอการค้าคนใหม่ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของภาคเอกชนไทยที่พร้อมจะร่วมมือกับภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนประเทศ 

“เอกชนรายใหญ่ของไทยจำนวนมากพร้อมที่จะขับเคลื่อนและร่วมมือกับรัฐบาล
การอยู่รอดของเศรษฐกิจไทยในวันที่โลกป่วน ไม่สามารถพึ่งพาดวงหรือรอความช่วยเหลือจากใครได้
แต่ต้องเริ่มจากการ "ปฏิวัติ" ตัวเองจากภายในอย่างจริงจังและทันท่วงทีเท่านั้น” ดร.พจน์ กล่าวปิดท้าย
 

สำหรับบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มทุกท่านสามารถติดตามได้ที่ FACEBOOK และ YOUTUBE : SPOTLIGHT



แชร์
​ทางรอดเศรษฐกิจไทย ในวันที่เผชิญความท้าทายรอบด้าน