เศรษฐกิจไทยเผชิญวิกฤตซ้อนวิกฤตจากความขัดแย้งและการกีดกันทางการค้าโลก ประกอบกับปัญหาการเมืองภายในที่ไร้เสถียรภาพและนโยบายไม่ต่อเนื่อง ทำให้โครงสร้างอ่อนแอ ดร. พจน์ชี้ทางรอดเดียวคือต้อง "ปฏิวัติโครงสร้าง" ประเทศครั้งใหญ่ เร่งปฏิรูปการศึกษา สร้างคน เพิ่มทักษะแรงงาน ปรับปรุงกฎหมาย และเปิดตลาดการค้าใหม่
ไฟสงครามความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลกกำลังลุกโชน ระเบียบโลกเก่ากำลังล่มสลายจากความเปราะบางสะสม การประกาศสงครามการค้าและกำแพงภาษีระลอกใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ก็เปรียบเสมือนการราดน้ำมันเข้ากองไฟ เปลวเพลิงแห่งความขัดแย้งได้ลุกลามเผาผลาญระเบียบการค้าโลกจนแทบไม่เหลือชิ้นดี สร้างความปั่นป่วนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่อาจหลีกหนีจากพายุเพลิงครั้งนี้ได้
SPOTLIGHT พาคุณผู้อ่านพบกับมุมมองและแนวทางฝ่าวิกฤตจากประสบการณ์กว่า 25 ปี ของ ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยคนที่ 26
ท่ามกลางวิกฤตซ้อนวิกฤตนี้ การก้าวขึ้นรับตำแหน่งประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยของ ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ เสมือนการเข้ารับหน้าที่ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง ทั้งจากความขัดแย้งสงครามทางการค้าที่ปั่นป่วนเศรษฐกิจโลก และปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศที่สะสมมานานรอวันปะทุ
ความท้าทายที่แตกต่างไปจากทุกวิกฤตที่เคยผ่านมา โลกในวันนี้ไม่ได้แบ่งเป็นสองขั้วที่ชัดเจนเหมือนในอดีต และยุคของโลกาภิวัตน์ (Globalization) ที่เคยยึดถือกฎระเบียบการค้าเสรีร่วมกันก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว
ดร.พจน์ กล่าวว่า "วันนี้มันเริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นโลกหลายค่าย หลายขั้ว แล้วก็กลายเป็นตัวใครตัวมัน ขั้วใครขั้วมันกันเลย โดยเอาวาระของตัวเองเป็นหลัก เอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นหลัก แล้วก็เริ่มละทิ้งหรือปล่อยปละละเลยกฎระเบียบของโลก"
ปรากฏการณ์นี้ก่อให้เกิดความขัดแย้งรูปแบบใหม่ที่รุนแรงและซับซ้อนกว่าเดิม เป็นการต่อสู้ที่ผสมผสานกันทั้ง สงครามจริง (ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์รัสเซีย-ยูเครน, ตะวันออกกลาง, อินโด-แปซิฟิก), สงครามเศรษฐกิจ (การกีดกันทางการค้า, การตั้งกำแพงภาษี) และ สงครามเทคโนโลยี (การแข่งขันด้าน AI, Robotics) ซึ่งทั้งสามมิตินี้ได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว สร้างความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างประเทศอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"ณ ปัจจุบันนี้...มันกลายเป็นว่า 3 ตัวนี้รวมกันหมดเลย เป็นการต่อสู้ที่ครบหมด ทั้งสงครามจริงๆ ทั้งสงครามเศรษฐกิจ การกีดกันทางการค้า... และการต่อสู้กันทางเทคโนโลยี นี่คือสิ่งที่สำคัญที่ทำให้ 3 อย่างมารวมกันแล้วต่อสู้กัน"
ขณะที่โลกภายนอกกำลังปั่นป่วน ดร.พจน์ ชี้ว่าปัญหาภายในประเทศก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยอ่อนแอและฟื้นตัวได้ช้า
“การเมืองไม่มีเสถียร นโยบายไร้ทิศทาง เศรษฐกิจไทย นิ่งมานานจาก ความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้นโยบายหลายอย่างที่ออกมากลายเป็นนโยบายที่ก่อปัญหากับอนาคตของประเทศไทยเมื่อการเมืองไม่เสถียร ก็ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง ทำให้การพัฒนาประเทศช้า รายได้ประชาชนไม่พอรายจ่าย และ หนี้สาธารณะเพิ่มสูง" ดร.พจน์กล่าว
การเมืองที่ไม่นิ่ง นโยบายที่ไม่นิ่ง ความขัดแย้งทางการเมืองที่ยาวนานทำให้ประเทศไทยขาด "แผนแม่บท" หรือ "วาระแห่งชาติ" ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ชัดเจนและต่อเนื่อง นโยบายต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปตามรัฐบาลที่เข้ามาบริหาร หลายครั้งเป็นนโยบายเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองระยะสั้นที่ก่อให้เกิดปัญหาระยะยาว เช่น นโยบายประชานิยมที่สร้างหนี้สาธารณะ หรือการหาเสียงด้วยการขึ้นค่าแรงโดยไม่อิงตามหลักเศรษฐศาสตร์และกรอบกฎหมาย
การเมืองไม่มีเสถียรภาพ ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม มันเป็นการเปลี่ยนแปลงไปตามวาระของรัฐบาลที่เข้ามา แต่ไม่มีแผนแม่บทของประเทศที่จะต้องขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องส่งผลให้
"เราอ่อนแอจากโครงสร้างตัวเองก่อน... ที่มันนานมากที่เราไม่มีการพัฒนาโครงสร้างข้างในเราเอง ไม่ได้สร้างความเข้มแข็งของเราเอง" ดร.พจน์กล่าว
ทางรอด: "ปฏิวัติโครงสร้าง" คือคำตอบเดียว
เมื่อเสาหลักทางเศรษฐกิจทั้ง 5 แท่งของประเทศ ได้แก่ การส่งออก, การท่องเที่ยวและบริการ, การลงทุน, การบริโภคภายใน, และตลาดทุน อยู่ในภาวะที่ ดร.พจน์ เรียกว่า "พิการ" หรือ "อัมพฤกษ์ชั่วคราว" ทางออกจึงไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ต้องเป็นการ "ปฏิวัติโครงสร้าง" ครั้งใหญ่
“ปัญหาเศรษฐกิจที่เราเจอวันนี้คือเราพิการทั้ง 5 แท่งได้แก่
การส่งออก การท่องเที่ยวและบริการ การลงทุนของภาครัฐและเอกชน การจับจ่ายใช้สอยภายในและตลาดทุน แม้จะไม่ถึงกับอัมพาต แต่ก็ เป็นอัมพฤกษ์ชั่วคราว และ ต้องรีบแก้ทันที”
ดร.พจน์ เสนอแนวทางที่ต้องลงมือทำทันทีก่อนจะสายเกินไป
แม้สถานการณ์จะดูน่ากังวล แต่ประธานสภาหอการค้าคนใหม่ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของภาคเอกชนไทยที่พร้อมจะร่วมมือกับภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนประเทศ
“เอกชนรายใหญ่ของไทยจำนวนมากพร้อมที่จะขับเคลื่อนและร่วมมือกับรัฐบาล
การอยู่รอดของเศรษฐกิจไทยในวันที่โลกป่วน ไม่สามารถพึ่งพาดวงหรือรอความช่วยเหลือจากใครได้
แต่ต้องเริ่มจากการ "ปฏิวัติ" ตัวเองจากภายในอย่างจริงจังและทันท่วงทีเท่านั้น” ดร.พจน์ กล่าวปิดท้าย
สำหรับบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มทุกท่านสามารถติดตามได้ที่ FACEBOOK และ YOUTUBE : SPOTLIGHT