28 กรกฎาคม 2568 พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานชี้แจงมาตราการดำเนินการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ครอบคลุมตั้งแต่นายจ้างถึงแรงงานต่างชาติ
หลังความขัดแย้งบริเวณชายแดนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจระหว่างไทยและกัมพูชา ภาคธุรกิจ นายจ้าง และแรงงาน รัฐมนตรีกระรวงแรงงานมีคำสั่งตรงถึง 4 หน่วยงาน: กรมการจัดหางาน (กกจ.), กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.), กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.), และ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ให้ดำเนินการช่วยเหลือลูกจ้างผู้ประกันตน นายจ้างสถานประกอบการ แรงงานต่างด้าว และประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบ
ช่วยอย่างไร? ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องงาน
กรมการจัดหางาน:
- สนับสนุนพื้นที่จัดตั้งโรงครัวประกอบอาหาร
- ประสานเคลื่อนย้ายแรงงานไทย หากประสงค์จะเดินทางไปทำงานนอกพื้นที่
- อำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับประเทศ ของแรงงานกัมพูช และช่วยให้มีที่พักพิงระหว่างรอการส่งกลับ
- ให้นายจ้างสถานประกอบการดูแลแรงงาน อย่างใกล้ชิด ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันในสถานประกอบการ
- ผ่อนผันให้แรงงาน ที่เข้ามาทำงานโดยใช้บัตรผ่านแดน (Border pass) ทั้งที่มีอายุหรือหมดอายุสามารถทำงานต่อไปได้
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
- จัดเตรียมสถานที่ของหน่วยงานในสังกัดเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวให้แก่ผู้อพยพ
- สนับสนุนพื้นที่จัดตั้งโรงครัวเพื่อประกอบอาหารเลี้ยงผู้ประสบภัย
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
- ดำเนินการด้านขอความร่วมมือนายจ้าง/สถานประกอบกิจการให้ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา หยุดงานโดยไม่ถือเป็นวันลาหรือความขัดต่อข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน
- ดูแลลูกจ้าง และเฝ้าระวังการกระทบกระทั่งระหว่างลูกจ้างไทยและลูกจ้างกัมพูชา
สำนักงานประกันสังคม
- แจ้งให้สถานพยาบาลในระบบประกันสังคมในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
- ให้บริการแก่ผู้ประกันตนโดยไม่เก็บค่ารักษาพยาบาล
- ใช้การบันทึกการขอรับค่าบริการทางการแพทย์ผ่านระบบ MMS
- เร่งรัดการวินิจฉัยการขอรับค่าบริการทางการแพทย์กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน 72 ชั่วโมงในระบบ MMS ในการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้สถานพยาบาลโดยเร็ว
ผู้ประกันตน ลูกจ้าง นายจ้างในสถานประกอบการ แรงงานต่างด้าว รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506