เมื่อ ‘ความไม่แน่นอน’ กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ของ ‘สังคมในยุคปัจจุบัน’ ทั้งในเรื่องของ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ สงครามการค้า กำแพงภาษี ที่ยังไม่แน่นอนของสหรัฐอเมริกาว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าไทยเท่าไร
หลายสำนักทางเศรษฐกิจ ต่างพร้อมใจกันลดการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 68 ชะลอตัวต่ำลงกว่า 2% และปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจคือ ‘กำแพงภาษี’ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะชี้ชะตาเศรษฐกิจไทย
ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนอย่างเวียดนาม ‘ดีล(ไม่ลับ)’ อัตราภาษีปิดจบที่ 20% จาก 46% ที่เคยโดนขู่ไว้ ส่วนประเทศไทยนั้น นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เข้าเจรจากับฝั่งสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อย แต่ยอมรับว่ายังไม่สามารถปิดดีลได้สำเร็จ พร้อมยืนยันพร้อมทำงานหนักขึ้นเพื่อหาทางออกให้ดีที่สุดแก่ประเทศไทย
ทำเอาคนไทยอย่างเรายังคงต้องลุ้นกันนั่งไม่ติดเก้าอี้ ว่าเราเป็นประเทศที่ทรัมป์จะส่งจดหมายรักหรือเปล่า สุดท้ายแล้วดีลนี้จะจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้งไหม เศรษฐกิจไทย ที่พึ่งพาการส่งออกจะได้รับผลกระทบมากแค่ไหน
ทีม SPOTLIGHT ได้มีโอกาสร่วมงานแถลงข่าวงานเปิดตัวหนังสือ “The Almost Prime Minister” และได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในมุมมองต่อเศรษฐกิจไทยที่กำลังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
คุณพิธา มองว่า “9 กรกฎาคม นี้เป็นวันครบการเจรจาเรื่องภาษีกับทรัมป์แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลไทยมีสมาธิแค่ไหนกับการเจรจา เพราะด้วยสถานการณ์การเมืองในประเทศ อย่างไรก็ตามอัตราภาษีของเวียดนามที่โดนไป 20% ทำให้ต้องมาลุ้นว่า สรุปแล้วดีลของประเทศเรามันจะดีกว่ามากน้อยแค่ไหน” พร้อมย้ำว่าหากเราไม่เร่งปิดจบดีล อาจทำให้ทุกอย่างช้าไปหมดซึ่งรวมถึงเศรษฐกิจไทยที่อาจโดนฟรีซไว้
สำหรับเศรษฐกิจของประเทศไทย คุณพิธา มองว่าเราพึ่งพิงการท่องเที่ยวเป็นหลัก สัดส่วนราว20% ในการขับเคลื่อน GDP ของประเทศ แต่ปัญหาตอนนี้คือ เม็ดเงินที่อยู่ในอุสาหกรรมท่องเที่ยวกลับพบว่ามีการกระจุกตัวอยู่แค่ 5 จังหวัดเมืองใหญ่ๆ ได้แก่ กรุงเทพ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา และกระบี่ ซึ่งรวมๆแล้วประมาณ 70% ของการท่องเที่ยว จะเห็นได้ว่าเม็ดเงินเหล่านั้นไม่ได้กระจายลงไปถึงท้องถิ่น แต่กลับกระจุกตัวอยู่ที่ส่วนกลางด้วยซ้ำ
ดังนั้นทางรอดของการท่องเที่ยวไทย คือ ‘การจายความเสี่ยง’ เช่น ทำยังไงก็ได้ให้คนที่ไปเที่ยวเชียงใหม่ มีคมนาคมที่ดี ผู้คนสามารถเดินทางท่องเที่ยวต่อไปยัง ลำพูน ลำปาง แพร่ แม่ฮ่องสอนได้ สิ่งเหล่านี้หากเกิดขึ้นจะทำให้เกิดการการท่องเที่ยวที่ส่งผลเป็นวงกว้าง
สำหรับนักท่องเที่ยวจีน ที่ถือว่าเป็นนักท่องเที่ยวหลักของประเทศไทยมานาน แต่หลังจากเศรษฐกิจในประเทศจีนไม่สู้ดี รัฐบาลจีนพยายามกระตุ้นให้ประชาชนเที่ยวในประเทศ เช่นเดียวกันกับภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่นักท่องเที่ยวจีนขาดความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัย ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนลดลงอย่างน่าตกใจ
คุณพิธาได้เปรียบเทียบว่า การพึ่งพานักท่องเที่ยวแค่กลุ่มเดียวนั้นเหมือนกับ เก้าอี้ 4 ขา “ถ้าคุณจะพึ่งนักท่องเที่ยวแค่ประเทศเดียว เช่นประเทศจีน สุดท้ายหากเกิดอะไรขึ้น ที่เขาไม่มา เราจะทำอย่างไร เก้าอี้ยังต้องมีสี่ขามันต้องพึ่งทุกขาเพื่อให้เก้าอี้นี้สามารถยังอยู่ได้ เพราะถ้ามีแค่ 1-3 ขา สุดท้ายแล้วมันก็จะล่มเพราะขาดเสถียรภาพในที่สุด”
โจทย์ของรัฐบาลคือ นอกเหนือจากนักท่องเที่ยวจีนแล้ว เราจะเจาะกลุ่มไหน อย่างไร เช่น อาเซียน เอเชีย อเมริกัน หรือยุโรปเช่นเดียวกันกับกลยุทธ์การท่องเที่ยวไทย ที่จะขายแต่ sea sand sun อย่างเดียวไม่ได้แล้ว อาจจะต้องเปลี่ยนเป็นดึงดูดนักท่องเที่ยว long terms stay ให้มากขึ้น
“ท่องเที่ยวกระจุก ลูกค้ากระจุก จังหวัดกระจุก เศรษฐกิจกระจุก พอถึงเวลามันก็โรยราและน่าเบื่อไปในที่สุด”
คุณพิธา ได้ตั้งคำถามว่า แต่ก่อนเราคงมองว่า เรื่องการเมืองก็ส่วนการเมือง เศรษฐกิจก็ส่วนเศรษฐกิจ ปัญหาสังคมก็ส่วนปัญหาสังคม แต่ทุกวันนี้มันแสดงให้เราเห็นแล้วว่า 3 เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกัน จนกลายเป็นเรื่องเดียวกัน และไม่สามารถแยกมันออกจากกันได้
เช่นจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย แต่ผู้ประกอบการต้องเผชิญทั้งในเรื่องโควิด และ ปัญหา PM 2.5 ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวหายไป ลองคิดดูว่าหากคุณเป็นเจ้าของร้านอาหาร 2 ปีโดนโควิด 2 ปีโดน PM 2.5 แม้ช่วง High Season เวลาแห่งการกอบโกย ก็ไม่สามารทำเงินได้มานานกว่า 4 ปีแล้ว
คุณพิธา ยังได้กล่าวปิดท้ายว่า จากปัญหาของจังหวัดเชียงใหม่ ก็แสดงให้เราเห็นแล้วว่า ถ้าการเมืองไม่ตอบโจทย์ สิ่งแวดล้อมไม่ตอบโจทย์ ต่อให้การท่องเที่ยวมียุทธศาสตร์ดีแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้รุ่งได้แบบยั่งยืน
สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องราวของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สามารถซื้อหนังสือ The Almost Prime Minister ได้แล้วทั่วประเทศ ผ่านร้านหนังสือชั้นนำ อาทิ นายอินทร์ SE-ED , Kinokuniya , Asia Books และร้านหนังสืออิสระ
สั่งซื้อออนไลน์ได้ทาง https://avocadobooks.co/ และในรูปแบบ eBook สำหรับผู้อ่านต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ Application
PINTO : https://pintobook.com/ebooks/68620c7fcebebd270c2842eb
MEB : https://www.mebmarket.com/ebook-378222-