'ประธาน Fed' เผยลดดอกเบี้ยไม่ได้เพราะมี'ภาษีตอบโต้'เสี่ยงเงินเฟ้อพุ่ง
นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า เฟดอาจได้เริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วกว่านี้ หากไม่ใช่เพราะนโยบายเก็บภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ในการเสวนาที่เมืองซินตรา ประเทศโปรตุเกส มีผู้สอบถามว่า หากทรัมป์ไม่ได้ประกาศแผนขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเมื่อต้นปี เฟดจะมีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีนี้หรือไม่ พาวเวลล์ตอบว่า “ผมคิดว่าใช่ครับ”
พาวเวลล์อธิบายเพิ่มเติมว่า “ในทางปฏิบัติ เฟดหยุดการปรับลดดอกเบี้ยทันทีเมื่อเห็นขนาดและผลกระทบของภาษีที่ประกาศใช้ ซึ่งส่งผลให้การคาดการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ” สะท้อนผลกระทบจากนโยบายภาษีตอบโต้ของรัฐบาลทรัมป์ที่มีแนวโน้มทำให้ราคาสินค้าภายในสหรัฐฯ สูงขึ้น
เฟดยังยึดจุดยืน ชี้ต้องรอดูข้อมูลเศรษฐกิจก่อนตัดสินใจลดดอกเบี้ย
ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) มีขึ้นในช่วงที่เฟดยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.25% - 4.5% ต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา แม้ว่าจะเผชิญแรงกดดันจากทำเนียบขาวที่ต้องการให้เฟดเร่งปรับลดดอกเบี้ยเพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมและกระตุ้นเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ส่งสัญญาณผ่าน “ดอทพลอต” ว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้อีกสองครั้งภายในสิ้นปี 2025 อย่างไรก็ตาม พาวเวลล์เน้นย้ำว่า เฟดยังคงเดินหน้าอย่างระมัดระวัง โดยจะพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะตัดสินใจดำเนินการใด ๆ ในอนาคต
เมื่อถูกถามถึงกระแสคาดการณ์ของตลาดที่เชื่อว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกรกฎาคมเร็วเกินไปหรือไม่ พาวเวลล์ตอบว่า “ผมยังไม่สามารถให้คำตอบได้ในตอนนี้ ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เราจะได้รับในช่วงเวลาที่เหลือก่อนถึงวันประชุม”
ข้อมูลจากเครื่องมือ CME FedWatch ล่าสุดระบุว่า ตลาดให้น้ำหนักมากกว่า 76% ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมเดือนกรกฎาคมนี้
พาวเวลล์เสริมว่า “เราจะพิจารณาไปทีละการประชุม ผมจะไม่ตัดทางเลือกใดออก และจะไม่ใส่การคาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ ลงไป ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่เราจะได้รับต่อไป”
ความสัมพันธ์ตึงเครียดกับทรัมป์ และอนาคตของพาวเวลล์
ทั้งนี้ การที่เฟดยังไม่เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยสร้างความไม่พอใจอย่างมากต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคณะบริหารสหรัฐ โดยทรัมป์โจมตีพาวเวลล์อย่างเปิดเผยหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา พร้อมวิจารณ์อย่างรุนแรงว่าพาวเวลล์เป็น “คนที่แย่มาก” และเป็นเพียง “คนธรรมดาที่ไม่มีอะไรโดดเด่น”
เมื่อถูกถามว่าเขาจะดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางต่อหลังหมดวาระในฐานะประธานเฟดในปีหน้าหรือไม่ พาวเวลล์ตอบสั้น ๆ ว่า “วันนี้ผมยังไม่มีคำตอบให้ครับ” ทั้งนี้ วาระในตำแหน่งประธานเฟดของพาวเวลล์จะสิ้นสุดในปี 2026 แต่เขายังสามารถดำรงตำแหน่งผู้ว่าการเฟดได้ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2028 ตามวาระที่กำหนด
ความกังวลเรื่องนโยบายการค้าและเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก
ในเวทีเสวนาเดียวกัน ผู้นำธนาคารกลางจากหลายประเทศได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับนโยบายการค้าโลก และตั้งคำถามว่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของสหรัฐอาจทำให้บางประเทศเริ่มพยายามลดการพึ่งพาเศรษฐกิจสหรัฐหรือไม่
นับตั้งแต่ขึ้นรับตำแหน่ง นโยบายภาษีของทรัมป์ ซึ่งมักมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและคาดเดาได้ยาก ได้สร้างความผันผวนให้กับตลาดการค้าโลก โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าหลายรายการ แต่หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เขาก็ตัดสินใจเลื่อนการเก็บภาษีบางส่วนออกไป
แม้ว่าดัชนี S&P 500 จะฟื้นตัวและทำสถิติสูงสุดใหม่ในช่วงหลัง แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการค้าโลกยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายการเงินให้ความสำคัญ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ผลประกอบการของภาคธุรกิจ และเสถียรภาพในตลาดทุน
พาวเวลล์กล่าวทิ้งท้ายว่า "สิ่งที่ผมและทุกคนในเฟดให้ความสำคัญสูงสุด คือการสร้างเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพด้านราคา มีการจ้างงานเต็มที่ และมีระบบการเงินที่มั่นคง สิ่งที่ทำให้ผมนอนไม่หลับคือคำถามว่า เราจะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ ผมอยากส่งต่อเศรษฐกิจที่แข็งแรงให้กับผู้ที่จะมารับตำแหน่งต่อจากผมในอนาคต"
