สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า ความยาว 55 กิโลเมตร ซึ่งเป็นสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก มีผู้โดยสารใช้บริการสะสมตั้งแต่เปิดให้บริการ เมื่อปี 2561 มากกว่า 24 ล้านคน และยานพาหนะใช้บริการจำนวน 4.7 ล้านคัน อ้างอิงจากข้อมูลของหน่วยงานควบคุมชายแดนในนครจูไห่ ทางตอนใต้ของจีน
สะพานดังกล่าวเปิดใช้งาน เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2561 ซึ่งเชื่อมระหว่างเขตบริหารพิเศษฮ่องกง กับเมืองจูไห่ของมณฑลกว่างตง และเขตบริหารพิเศษมาเก๊าของจีน โดยสะพานเส้นทางนี้นับเป็นครั้งแรก ที่จะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางจากฮ่องกงไปยังจูไห่และมาเก๊า จากเดิม 3 ชั่วโมง ให้เหลือเพียงภายใน 1 ชั่วโมง
การอำนวยความสะดวกด้านพิธีการศุลกากรช่วยให้จำนวนผู้โดยสารและยานพาหนะเติบโตขึ้น โดยยานพาหนะที่วิ่งผ่านท่าด่านจูไห่จะได้รับการตรวจสอบอย่างครอบคลุมด้วยระบบอัตโนมัติ ขณะที่ขั้นตอนการตรวจสอบผู้โดยสารใช้เวลาเพียง 20 วินาทีเท่านั้น ท่าด่านจูไห่ ถือเป็นช่องทางสำคัญสำคัญในการขนส่งสินค้าเกษตรสู่ฮ่องกง ที่นี่มีบริการดำเนินพิธีการศุลกากรตลอด 24 ชั่วโมง เอื้อประโยชน์อย่างมากต่อภาคการค้าข้ามพรมแดน
ข้อมูลของศุลกากรท่าด่านจูไห่ระบุว่า ระหว่างเดือนม.ค.-ส.ค. ปีนี้ มูลค่าการค้าข้ามพรมแดนผ่านสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าสูงถึง 146,000 ล้านหยวน ( ราว 766,000 ล้านบาท ) และสถิติการนำเข้าอยู่ที่ 43,900 ล้านหยวน ( ราว 230,000 ล้านบาท ) ขณะที่มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 103,000 ล้านหยวน(ราว 540,000 ล้านบาท ) เพิ่มขึ้น 64.2% และ 55.1% ตามลำดับ เมื่อเทียบแบบรายปี
สำหรับโครงการสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า ถือเป็นโครงการที่ ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ต้องการให้ อ่าวกวางตุ้ง ฮ่องกง และ มาเก๊า กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หรือที่เรียกบริเวณนี้ว่า Greater Bay Area มีประชากรรวมกันราว 68 ล้านคน โครงการนี้ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 8 ปี มีทั้งสะพานข้าม และอุโมงค์ยาว 6.7 กม. รวมถึงเกาะเทียมขนาด 625 เมตร ซึ่งถือเป็นโครงการก่อสร้างที่น่าทึ่งเพราะทั้งการออกแบบ และก่อสร้างใช้เวลารวมกันนานกว่าทศวรรษ
ที่มา สำนักข่าวซินหัว / ภาพจาก ซินหัว และ AFP