Binance อัดฉีด ‘กองทุนอุ้มคริปโท’ 3 หมื่นล้าน ล้อมคอก FTX กระทบวงการ

หลังโดมิโนคริปโทเคอร์เรนซีระลอกสองที่มีต้นสายปลายเหตุมาจาก ‘การล่มสลายของ FTX’ เริ่มแผลงฤทธิ์ ทำวงการคริปโทเริ่มเข้าสู่ช่วงอันตรายอีกครั้ง Binance ก็ได้ออกมาประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ถึงความคืบหน้าในการก่อตั้ง ‘กองทุนฟื้นฟูอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี’ ความหวังใหม่ของ Binance และพันธมิตร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโดมิโนคริปโทระลอกใหม่ และรักษาความเชื่อมั่นของวงการคริปโทเอาไว้

โดย Binance ระบุผ่านเว็บไซต์ว่า บริษัทจะอัดฉีดสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่า ‘1 พันล้านดอลลาร์’ (ราว 3.56 หมื่นล้านบาท) ในรูป ‘BUSD’ ซึ่งเป็นเหรียญ Stable Coin ของ Binance ที่ออกโดยบริษัท Paxos และได้รับการรับรองจากรัฐบาลสหรัฐ แถมยังระบุว่า Binance พร้อมอัดฉีดเพิ่มอีกเท่าตัว เป็น 2 พันล้านดอลลาร์ หากมีความต้องการให้ช่วยเหลือมากขึ้น

เพื่อแสดงความโปร่งใส ‘ฉางเผิง จ้าว’ หรือ CZ ซีอีโอของ Binance ได้เปิดเผยที่อยู่ของ Wallet ด้วย เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของกองทุนที่ว่านี้ได้แบบเรียลไทม์ด้วย

นอกจาก Binance ซึ่งเป็นปัจจุบันนับเป็นเจ้ามือใหญ่ในกองทุนนี้แล้ว ยังมีบริษัทลงทุนด้านคริปโทรายอื่นๆ เช่น Jump Crypto, Polygon Ventures, Animoca Brands ได้ร่วมลงกันลงขัน อัดฉีดเงินรวม 50 ล้านดอลลาร์ (1.78 พันล้านดอลลาร์) เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นร่วมด้วยช่วยกันพยุงวงการให้ผ่านพ้น ‘หน้าหนาวของคริปโทเคอร์เรนซี’ ช่วงนี้ และทำให้วงการคริปโทแข็งแกร่งมากขึ้น

โดยหนึ่งในนั้นปรากฏชื่อของบริษัทที่ปรึกษาด้านการเงิน อสังหาริมทรัพย์ และบริหารจัดการเงินทุนสัญชาติไทย ‘Brooker Group’ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมระดมทุนในครั้งนี้ด้วย โดยโพสต์บนเพจเฟซบุ๊ก ของ ‘Brook Digital Asset’ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ลงทุนด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ระบุว่า บริษัทพร้อมช่วยประสานให้ ‘โปรเจกต์ด้านคริปโทเคอร์เรนซีในประเทศไทย’ ได้เข้าถึงกองทุนช่วยเหลือของ Binance และให้นักลงทุน/สถาบันที่ต้องการร่วมช่วยเหลือโปรเจกต์ที่กำลังขาดแคลนเงินทุนอีกด้วย

คุณ คุณวริศ บูลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายที่ปรึกษาวานิชธนกิจ และ กรรมการผู้จัดการฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัล เผยมุมมองต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในโลกคริปโทเคอร์เรนซีขณะนี้ผ่านทางโพสต์ดังกล่าวว่า

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นวิกฤตที่เกิดจากบุคคลมิใช่เทคโนโลยี Blockchain อุตสาหกรรมคริปโตจะยังคงพัฒนานวัตกรรมคริปโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิด Mass Adoption ในอนาคตอันใกล้”

ทั้งนี้ ความพยายามในการกอบกู้สถานการณ์ในโลกคริปโทของ CZ ในครั้งนี้ จะช่วยผลักให้เขากลายเป็น ‘พ่อพระแห่งโลกคริปโทคนใหม่’ แทนที่ ‘Sam Bankman-Fried’ อดีตซีอีโอของ FTX ที่ในวิกฤตคริปโทครั้งก่อน เขาเลยเป็นผู้ช่วยเหลือบริษัทที่กำลังประสบปัญหา เช่น Voyager Digital หรือ Blockfi ก่อนที่บริษัทของเขาจะกลายเป็นต้นเหตุแห่งหายนะรอบใหม่เสียเอง

ย้อนติดตามสรุปหายนะของ FTX ได้ที่นี่

Binance ระบุว่า กองทุนอุ้มคริปโทนี้ มีไว้สำหรับช่วยเหลือบริษัทหรือโปรเจกต์ด้านคริปโทที่ ‘ขาดสภาพคล่องระยะสั้น จากผลกระทบของเหตุการณ์ในโลกคริปโทซึ่งพวกเขาไม่ได้เป็นคนก่อ’ เพื่อป้องกันไม่ให้ผลกระทบลามเป็นวงกว้าง พร้อมทั้งยังเปิดรับการสนับสนุนจากบริษัทอื่นๆ ที่ต้องการยื่นมามาช่วยเหลือด้วย โดย Binance ย้ำว่า ‘นี่ไม่ใช่กองทุนเพื่อการลงทุน’ และกองทุนมีแผนจะตั้งขึ้นมาเป็นระยะเวลาราว 6 เดือน

ปัจจุบัน มีบริษัทที่สมัครเข้ามาขอความช่วยเหลือจากกองทุนดังกล่าวแล้วราว 150 บริษัท อ้างอิงจากประกาศของ Binance

ที่มา : CNBC, Binance, Brook Digital Asset