ธุรกิจการตลาด

MINT เชื่อปี 67 กำไรยังนิวไฮต่อ ทุ่มงบ 10,000-13,000 ล้านบาท

10 ก.พ. 67
MINT เชื่อปี 67 กำไรยังนิวไฮต่อ ทุ่มงบ 10,000-13,000 ล้านบาท
ไฮไลท์ Highlight
  • ปี 2567 ตั้งงบลงทุนไว้ 10,000-13,000 ล้านบาท

  • รายได้จากห้องพักในไทย เดือนก.พ.-มี.ค.สูง 39% จากปีก่อน

  • 3 ปีข้างหน้า เพิ่มกระแสเงินสด ไม่ใช่แค่กำไร

  • 3 ปีข้างหน้า ตั้งงบ 30,000 ล้านบาท รายได้โตปีละ 8-10%

 

MINT เชื่อมั่นปี 2567 ยังจะสามารถทำกำไรให้เติบโตเป็นนิวไฮต่อไปได้อีก จากปี 2566 ที่มีกำไรจากการดำเนินงานทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ที่ 7,700 ล้านบาท ปีนี้พร้อมทุ่มงบลงทุนอีก 10,000-13,000 ล้านบาท ในธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก ส่วนธุรกิจอาหารยังมีแผนขยายไปในต่างประเทศเพิ่ม

โดยนายดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เปิดเผยว่า ในปีนี้ กำไรจะยังทำ New high ต่อจากปีก่อนที่มีกำไรจากการดำเนินงานเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ (New high) ที่ 7,700 ล้านบาท จากปัจจัยเรื่องของฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและธุรกิจร้านอาหาร หลังผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

นายดิลลิป กล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “ผมมีความยินดีที่จะรายงานผลประกอบการที่ดีเยี่ยมของเราสำหรับปี 2566 รายงานนี้สะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทและการทำงานอย่างเต็มที่ของทีมเราทุกคนใน 63 ประเทศ สำหรับก้าวต่อไปเรายังคงมุ่งเน้นไปที่การขยายอาณาจักร ส่งเสริมการเติบโตแบบยั่งยืน และการลดหนี้เพื่อสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียกับบริษัทในระยะยาว”

MINT

ปี 2567 ตั้งงบลงทุนไว้ 10,000-13,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ MINT วางงบลงทุนรวมในปี 67 ไว้ที่ 10,000-13,000 ล้านบาท โดยที่จะใช้กับธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก เป็นขยายและปรับปรุงโรงแรม โดยเฉพาะโรงแรมในยุโรปที่จะ Up scale เป็นจำนวนมาก

ส่วนธุรกิจร้านอาหารยังคงมีการขยายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในต่างประเทศ แบรนด์ Sizzler, The Coffee Club, The Pizza Company ในเวียดนามและสิงคโปร์

MINT

เน้นการเพิ่มยอดใช้จ่ายต่อหัวของลูกค้าเพิ่มขึ้น

ภาพรวมของปี 67 สิ่งที่ MINT ยังคงให้ความสำคัญ คือ การเพิ่มจำนวนยอดใช้จ่ายต่อหัวของลูกค้า (Spending) เพื่อเพิ่มความสามารถการสร้างรายได้และการทำกำไร ด้วยการทำให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั้งในโรงแรมและร้านอาหาร เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจในกลุ่ม

โดยการท่องเที่ยวจะเห็นความคึกคักทั้งในไทยที่ประเมินจำนวนนักท่องเทื่ยวมากกว่า 35 ล้านคน จากปีก่อน 20 กว่าล้านคน และนักท่องเที่ยวในยุโรปก็น่าจะเพิ่มขึ้น 

รายได้จากห้องพักในไทย เดือนก.พ.-มี.ค.สูง 39% จากปีก่อน

แนวโน้มธุรกิจโรงแรมในปี 67 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากรายได้ห้องพักในเดือน ม.ค.67 รวมทั้งยอดจองห้องพักล่วงหน้าในเดือนก.พ.และมี.ค. 67 ในไทยสูงกว่าปีก่อน 39% มาจากฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทย และได้แรงหนุนจากเทศกาลตรุษจีน 

ขณะที่รายได้ห้องพักโรงแรมในยุโรปเพิ่มขึ้น 20% เนื่องจากต้นปีอากาศในยุโรปไม่ได้หนาวมากและขณะนี้อุ่นขึ้น ทำให้การท่องเที่ยวคึกคัก คาดว่าจะเห็นการเติบโตที่สูงขึ้นต่อเนื่องในช่วง Summer ซึ่งเป็น High Season ของยุโรป

ธุรกิจโรงแรมด้วยกลยุทธ์ Repositioning และ Rebranding 

สำหรับธุรกิจโรงแรม เน้นการใช้กลยุทธ์ การ Repositioning และ Rebranding ตามแผนงาน เพื่อทำให้ MINT มีสัดส่วนของ Asset light มากขึ้น 

โดยเฉพาะโรงแรมในยุโรปที่จะมีการยกระดับแบรนด์ให้สูงขึ้น ซึ่งในปี 66 ได้ Repositioning และ Rebranding โรงแรมไปแล้ว 50 แห่ง และปี 67 จะมีอีก 28-30 แห่ง ใช้เงินลงทุนราว 50-60 ล้านยูโร 

ทั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อวันของโรงแรมให้เพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ และจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้สัดส่วนของ Asset light เพิ่มขึ้นเป็น 40% ใน 3 ปีตามเป้าหมาย จากปัจจุบันอยู่ที่ 18%

3 ปีข้างหน้า เพิ่มกระแสเงินสด ไม่ใช่แค่กำไร

เป้าหมาย 3 ปี ข้างหน้าของ MINT ไม่เพียงแต่จะเพิ่มส่วนของกำไร แต่จะมีส่วนเพิ่มกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้อย่างมีนัยสำคัญ เงินสดดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ในแผนการลดหนี้ 

โดยตั้งเป้าลดส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Net Debt to EBITDA) ให้เหลือ 4.3 เท่าภายใน 3 ปี จากปัจจุบันที่ 6 เท่า 

บริษัทยังคงเดินหน้าไนการลดหนี้ต่อเนื่องเพื่อทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง ช่วยหนุนกำไรของบริษัท โดยในสิ้นปี 67 จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลงมาที่ 0.8 เท่า จากปี 66 ที่ 1 เท่า ซึ่งจะลดหนี้ให้เหลือ 9 หมื่นล้านบาท จาก 1 แสนล้านบาท รวมถึงจะมีการขายสินทรัพย์บางรายการและเช่ากลับมา ซึ่งจะทำให้หนี้สินลดลง และหนุนต่อมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น

MINT 

3 ปีข้างหน้า ตั้งงบ 30,000 ล้านบาท รายได้โตปีละ 8-10%

MINT ตั้งเป้าหมาย 3 ปี (ปี 67-69) ลงทุน 30,000 ล้านบาท โดยคาดรายได้เติบโตเฉลี่ย 8-10% ต่อปี และจะเพิ่มกำไรเฉลี่ย 15-20% ต่อปี โดยที่จะต้องสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ไม่ต่ำกว่า 10% 

โดย 3 ปีข้างหน้านี้ MINT ตั้งเป้าขยายกลุ่มธุรกิจโดยเพิ่มโรงแรมใหม่ 200 – 500 แห่ง และร้านอาหาร 1,000 สาขา โดยมียอดรวมจำนวนโรงแรมอยู่ที่ 780 แห่ง และ ร้านอาหารอยู่ที่ 3,700 สาขา ความมุ่งมั่นนี้ได้รับการสนับสนุนจากโอกาสการเติบโตที่มากมายและการมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ด้านการใช้รูปแบบธุรกิจ Asset-light model การทำสัญญารับจ้างบริหารโรงแรม และการทำแฟรนไชส์ร้านอาหาร เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมไปกับการใช้เงินลงทุนให้น้อยที่สุด และการมุ่งเน้นในตลาดที่มีการเติบโตสูงนอกเหนือจากตลาดอื่น

ที่ผ่านมา MINT เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อการขยายธุรกิจสู่เวทีระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่สำคัญระดับนานาชาติ อาทิ
การเพิ่มโรงแรมรับจ้างบริหาร 3 แห่งในกรุงปารีสภายใต้เอ็น เอช และเอ็นเอช คอลเลคชั่น การเปิดตัวโรงแรมหรูภายใต้อนันตราในกรุงเวียนนา และการเปิดตัวของเอ็นเอช คอลเลคชั่นในเฮลซิงกิ 

นอกจากนี้ แผนการขยายโรงแรมที่แข็งแกร่งของ MINT ยังรวมการเปิดตัวของอนันตราและอวานีในราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ควบคู่ไปกับการเปิดโรงแรมใหม่ในตลาดตะวันออกกลางที่ MINT มีการเติบโตอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีแผนการเปิดตัวโรงแรมรับจ้างบริหารในประเทศจีนหลายแห่งเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ 

MINT

สำหรับ ไมเนอร์ ฟู้ดยังเสริมความแข็งแกร่งในอาเซียนด้วยการเปิดร้านอาหารแฟรนไชส์ในเวียดนามและสิงคโปร์ภายใต้ ซิซซ์เลอร์, เดอะคอฟฟี่ คลับ และเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ยิ่งไปกว่านั้น MINT ได้เข้าซื้อกิจการแดรี่ ควีนเพื่อดำเนินงานในอินโดนีเซีย และเปิดตัว เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์ และกาก้า 

MINT

ด้วยแผนทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการขยายธุรกิจสู่ตลาดที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะตลาดภายในกลุ่มอาเซียน 

แผนเปิดสาขา Dairy Queen ในอินโดนีเซีย เพิ่มเป็น 10 เท่าใน 3 ปี

รวมถึงขยายสาขาใหม่ Dairy Queen ในอินโดนีเซีย เพิ่มเป็น 10 เท่าใน 3 ปี จากปัจจุบัน 12 สาขา รวมถึงการนำแบรนด์ GAGA ไปเปิดในอินโดนีเซีย หนุนการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารในกลุ่มศอาเซียน และการปรับปรุงแบรนด์ Swensens ในคอนเซ็ปต์ใหม่ที่มีความทันสมัยมากขึ้น ซึ่งทั้งแบรนด์ Dairy Queen และ Swensens ทำผลงานได้ดีที่สุดในกลุ่มร้านอาหาร

เตรียมเปิดโอกาสตลาดในอินเดีย

ประกอบกับ การมองหาโอกาสในตลาดใหม่ในอินเดียที่มีจำนวนประชากรเยอะและมีศักยภาพในการเติบโต

Q1/67 แนวโน้มธุรกิจยังตามเป้าหมาย

แนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 1/67 ยังมี Momentum ที่ดีต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารที่สามารถทำได้ตามเป้าที่บริษัทวางไว้ 

สำหรับไตรมาส 2/67 ยังคาดว่าจะยังมี Momentum ที่ดีเช่นกัน เนื่องจากเป็นฤดูร้อนของไทย และมีเทศกาลที่สำคัญ โดยเฉพาะสงกรานต์ หนุนธุรกิจโรงแรมก่อนเข้า Low season 

ส่วนธุรกิจร้านอาหารยังสามารถสร้างยอดขายที่แข็งแกร่งต่อเนื่องจากปลายปี 66 ซึ่งบริษัทยังคงทำแคมเปญต่างๆ เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดต่อเนื่อง ทำให้ร้านอาหารในเครือ MINT มีรายได้และกำไรดีขึ้น

advertisement

SPOTLIGHT