KIA บุกตลาดไทย หวังครองส่วนแบ่ง 5% ภายใน 5 ปี ส่ง KIA EV9 รุ่นเรือธง ชิงตลาด EV มี.ค.นี้

เกีย คอร์ปอเรชัน ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเกาหลี ได้ประกาศแต่งตั้ง บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมยกระดับกลยุทธ์เจาะตลาดประเทศไทย ด้วยแผนกลยุทธ์ Kia Plan S ที่ใช้ในการดำเนินงานทั่วโลก โดยมีรากฐานอยู่บนเสาหลัก 3 ประการ คือ โลก (Planet)  ผู้คน (People) และผลกำไร (Profit) 

โดยบริษัทวางแผนการดำเนินงานปี 2567-2571 โดยให้ชื่อว่ากลยุทธ์ "Plan S-5" ซึ่งประกอบด้วยเป้าหมายหลัก 4 หลัก นั้นก็คือ :

• ครองส่วนแบ่ง 5% ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในประเทศไทย

• เพิ่มการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ให้มีสัดส่วนถึง 50% ของยอดจำหน่ายทั้งหมด

• ก้าวขึ้นสู่แบรนด์ที่มีการรับรู้สูงที่สุด 5 อันดับแรก 

• ตั้งเป้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศให้เติบโตขึ้น 5 เท่าตัว

เป้าหมายทางการตลาดของ KIA

1.ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 20%

: ในปี 67 บริษัทตั้งเป้าหมายครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ (MVP) และตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลาง (C-SUV) ไว้ที่ 20% โดยมีผลิตภัณฑ์หลักคือ KIA Carnival (เกีย คาร์นิวัล) และ KIA Sorento (เกีย โซเรนโต) 

2.เพิ่มตัวแทนจำหน่าย 10 รายในปีนี้

: ในปี 66 KIA มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 19 โชว์รูม แต่ในปี 67 บริษัทได้ตั้งเป้าขยายผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพิ่มขึ้นโดยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 

• ระยะที่ 1 : โฟกัสตลาดในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และขยายไปหัวเมืองหลักในต่างจังหวัด

• ระยะที่ 2 : ขยายไปยังหัวเมืองรองในต่างจังหวัด และการขยายให้บริการลูกค้าที่ครอบคลุมมากขึ้น

• ระยะที่ 3 : ขยายศูนย์จำหน่ายและบริการครอบคลุมทั่วประเทศ 100 โชว์รูม ภายในปี71 

3.เพิ่มนโยบายรับประกันหลังจากขายตัวรถ 7 ปี แบตเตอรี่ 8 ปี

: นโยบายด้านการรับประกันหลังการขายใหม่จะมีการรับประกันคุณภาพตัวรถนาน 7 ปี พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนนาน 7 ปี และการรับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี รวมถึงรถใช้ระหว่างซ่อม สำหรับรถยนต์ที่เปิดตัวและทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่เดือนมี.ค. 67 เป็นต้นไป

KIA มองภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยอย่างไร

นายณัฏฐ์ชัย สุรวรรธนกุล รองประธานฝ่ายขาย เครือข่ายผู้จำหน่าย และบริการหลังการขาย เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นและขาลงสลับสับเปลี่ยนกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รถยนต์หลากหลายแบรนด์เข้ามารุกตลาดมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อรถยนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมการใช้งาน 

โดยยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่โดยรวมทั้งตลาดอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 800,000 คัน เนื่องจากเซ็กเมนต์รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ แม้ว่าเซ็กเมนต์รถยนต์นั่งส่วนบุคคลจะมีการเติบโตก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า 

อย่างไรก็ตาม เรามองว่าตลาดรถยนต์ในไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้นในปี 2567 นี้ โดยคาดว่ายอดจำหน่ายจะขยับตัวขึ้นเป็น 850,000 – 860,000 คันจากอานิสงส์ของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ที่มียอดจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้น

เปิดสเปค KIA EV9

Kia EV9 จะเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ประเดิมทำตลาดไทย เอสยูวี 7 ที่นั่ง ขุมพลังไฟฟ้า 100% พร้อมเปิดตัวในไทย 1 มี.ค.67 นี้ คาดราคาเริ่มต้น 1,950,000 - 2,260,000 บาท

KIA EV9 ถูกพัฒนาให้เป็นรถเอสยูวีพร้อมห้องโดยสารแบบ 3 แถว เลือกได้ทั้ง 7 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ตัวถังมีขนาดความยาว 5,100 มม. ความกว้าง 1,980 มม. ความสูง 1,755 มม. และความยาวฐานล้อ 3,100 มม.

 KIA EV9 ที่วางขายในเกาหลีใต้มีให้เลือก 2 แบบ

• รุ่นมอเตอร์เดี่ยว (2WD) กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนความจุ 99.8 kWh เคลมระยะทางขับขี่ไว้ที่ 501 กม. ต่อการชาร์จแต่ละครั้ง
• รุ่นมอเตอร์คู่ (AWD) มีกำลังสูงสุดอยู่ที่ 385 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม.ชม. ในเวลา 5.3 วินาที (เมื่อใช้ระบบ Boost) ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดเท่ากับรุ่นมอเตอร์เดี่ยว เคลมระยะทางขับขี่ไว้ที่ 443 กิโลเมตร โดยทั้งสองรุ่นรองรับการชาร์จด่วนแบบ DC สามารถชาร์จจนถึงระดับ 80% ได้ในเวลา 24 นาที

ภายในห้องโดยสารของ KIA EV9 ถูกติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น เรือนไมล์แบบ TFT LCD ขนาด 12.3 นิ้ว, เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า, เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบกัปตันซีต (เฉพาะรุ่น 6 ที่นั่ง) สามารถหันหน้าเข้าหาเบาะแถว 3 ได้, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน, หน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมระบบนำทางและอัปเดตซอฟต์แวร์ไร้สาย

อย่างไรก็ตาม KIA EV9 ที่กำลังจะเปิดตัวขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการนี้ จะถูกผลิตในประเทศเกาหลีใต้ และจะไม่ได้เข้าร่วมนโยบาย EV3.5 ของรัฐบาลไทยแต่อย่างใด