ธุรกิจการตลาด

เสียวหมี่เผยผลประกอบการไตรมาส 3 กำไรพุ่ง 182.9% รายได้ 6 พันล้านหยวน

22 พ.ย. 66
เสียวหมี่เผยผลประกอบการไตรมาส 3 กำไรพุ่ง 182.9% รายได้  6 พันล้านหยวน

เสียวหมี่ คอร์เปอเรชั่น บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566 มีกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 6 พันล้านหยวน ตอกย้ำความสำเร็จของกลยุทธ์หลักที่มุ่งเน้นการขยายธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างผลกำไร

 

เสียวหมี่เผยผลประกอบการไตรมาส 3 กำไรพุ่ง 182.9% ตอกย้ำ กลยุทธ์หลักที่มุ่งเน้นการขยายธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างผลกำไร

เสียวหมี่เผยผลประกอบการไตรมาส 3 กำไรพุ่ง 182.9% รายได้  6 พันล้านหยวน

เมื่อเร็วๆนี้ เสียวหมี่ คอร์เปอเรชั่น ผู้นำด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะ ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2566 โดยบริษัทมีรายได้รวมสูงถึง 70.9 พันล้านหยวนและมีกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 6 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 182.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยผลการดำเนินงานดังกล่าวถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับเสียวหมี่ โดยเป็นผลมาจากกลยุทธ์หลักขององค์กรที่มุ่งเน้นการขยายธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างผลกำไร ควบคู่ไปกับการพัฒนากลยุทธ์ premiumization ที่ทำให้เสียวหมี่สามารถเพิ่มทั้งรายได้และผลกำไรอย่างมีนัยสำคัญ

มร. เหลย จุน (Lei Jun) ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอของเสียวหมี่ คอร์เปอเรชั่น (Xiaomi Corporation)  ได้ตั้งเป้าหมายใหม่สำหรับปี 2563-2573 ภายใต้เป้าหมายใหม่ กลุ่มบริษัทมุ่งมั่นที่จะลงทุนอย่างยั่งยืนในเทคโนโลยีหลักพื้นฐาน และมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยระดับโลก โดยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 เสียวหมี่ได้ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (“R&D”) สูงถึง 5 พันล้านหยวน และมีจำนวนบุคลากรทางด้านวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นจนมีสัดส่วนมากกว่า 53% ของจำนวนบุคลากรทั้งหมด

นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังดำเนินกลยุทธ์ 2 ด้าน ทั้งด้านขนาดของธุรกิจและด้านความสามารถในการทำกำไรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มบริษัทสูงถึง 22.7% ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 4 ไตรมาสติดต่อกัน ปริมาณสินค้าคงคลังรวมอยู่ที่ 36.8 พันล้านหยวน ลดลง 30.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) และทรัพยากรเงินสดของกลุ่มบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 127.6 พันล้านหยวน

สมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม ดันกำไรสูงเป็นประวัติการณ์
เสียวหมี่เผยผลประกอบการไตรมาส 3 กำไรพุ่ง 182.9% รายได้  6 พันล้านหยวน

ในไตรมาส 3 ของปี 2566 การจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เสียวหมี่กลับมียอดการจัดส่งเพิ่มขึ้น 41.8 ล้านเครื่อง นับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ไตรมาสที่ผ่านมา

ความสำเร็จของเสียวหมี่เกิดจากกลยุทธ์ระดับพรีเมียมที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้อย่างกว้างขวาง โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Xiaomi 14 Series สามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 6 เท่าในช่วง 5 นาทีแรกหลังจากการเปิดตัว ของ Xiaomi 13 Series ในช่วงการขายเริ่มแรก และได้รับคะแนนเชิงบวกมากกว่า 99% บนแพลตฟอร์ม JD.com

นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังรักษาอันดับที่ 3 ของการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกได้เป็นเวลาถึง 13 ไตรมาสติดต่อกัน โดยติด 3 อันดับแรกใน 55 ประเทศและภูมิภาค และติด 5 อันดับแรกใน 65 ประเทศและภูมิภาค

ความสำเร็จของเสียวหมี่ยังรวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของธุรกิจค้าปลีกใหม่ โดยในไตรมาส 3 ของปี 2566 การจำหน่ายผ่านช่องทางออฟไลน์มีสัดส่วนมากกว่า 55% ของสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมทั้งหมดที่จำหน่ายในประเทศจีน

ทำให้เวลานี้สมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมของเสียวหมี่มียอดขายและการยอมรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงเป็นประวัติการณ์

 

เสียวหมี่ยกระดับการเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ไปสู่อีกระดับ

เสียวหมี่ประสบความสำเร็จในการกระตุ้นการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT และกลุ่มผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ โดยรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล่านี้เพิ่มขึ้น 8.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) อัตรากำไรขั้นต้นก็แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 17.8% เพิ่มขึ้น 4.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY)

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เสียวหมี่ประสบความสำเร็จคือ การยกระดับการเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ไปสู่อีกระดับ โดยผลิตภัณฑ์ระบบนิเวศของเสียวหมี่สามารถเชื่อมต่อระหว่างกันได้ ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 จำนวนอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม AIoT ของกลุ่มบริษัทมีจำนวนถึง 699 ล้านเครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้น 25.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) จำนวนผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์ 5 เครื่องขึ้นไปเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม AIoT ของกลุ่มบริษัทสูงถึง 13.7 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 26.0% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY)

นอกจากนี้ สมาร์ททีวีของเสียวหมี่ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในประเทศจีน และแท็บเล็ตของเสียวหมี่ก็ประสบความสำเร็จในการเข้าสู่ 5 อันดับแรกของการจัดอันดับการจัดส่งแท็บเล็ตทั่วโลกเป็นครั้งแรก

 

เสียวหมี่ประสบความสำเร็จในการเสริมสร้างความได้เปรียบในการเป็นผู้นำทางอินเทอร์เน็ต

เสียวหมี่เผยผลประกอบการไตรมาส 3 กำไรพุ่ง 182.9% รายได้  6 พันล้านหยวน

โดยรายได้จากบริการอินเทอร์เน็ตของเสียวหมี่ทำสถิติสูงสุดรายไตรมาสอีกครั้ง โดยแตะ 7.8 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 9.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) อัตรากำไรขั้นต้นของบริการอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 74.4% เพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY)

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เสียวหมี่ประสบความสำเร็จคือ การขยายตัวของระบบนิเวศอัจฉริยะและการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างประเทศ

การขยายตัวของระบบนิเวศอัจฉริยะช่วยเพิ่ม จำนวนผู้ใช้งานรายเดือน (“MAU”) ของ MIUI ทั่วโลกและในประเทศจีน โดย MAU ทั่วโลกของ MIUI สูงถึง 623 ล้าน และ MAU ของ MIUI ในประเทศจีนสูงถึง 152 ล้าน  เพิ่มขึ้น 7.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

การขยายตัวในตลาดต่างประเทศยังช่วยเพิ่มรายได้จากบริการอินเทอร์เน็ตของเสียวหมี่ในต่างประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้น 35.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า คิดเป็น 30.0% ของรายได้จากบริการอินเทอร์เน็ตทั้งหมด

นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังประสบความสำเร็จในการโฆษณา โดยรายได้จากการโฆษณาเพิ่มขึ้น 15.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

 

อัปเกรดกลยุทธ์เป็น คน x รถยนต์ x บ้าน

ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาของเสียวหมี่ อยู่ที่ 5 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 22.0% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) โดยกลุ่มบริษัทมุ่งมั่นที่จะดึงดูดและบ่มเพาะผู้มีความสามารถด้านเทคโนโลยี ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 กลุ่มบริษัทมีบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาอยู่ถึง 17,563 คน คิดเป็นมากกว่า 53% ของพนักงานทั้งหมด นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังคงขยายขีดความสามารถด้านทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อส่งเสริมนวัตกรรม โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทได้รับสิทธิบัตรมากกว่า 35,000 ฉบับทั่วโลก

นอกจากนี้เสียวหมี่เปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ Xiaomi HyperOS ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ออกแบบและปรับแต่งเพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ส่วนบุคคล รถยนต์ และผลิตภัณฑ์บ้านอัจฉริยะในระบบนิเวศอัจฉริยะ

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT