นโยบายเศรษฐกิจที่พรรคก้าวไกลหาเสียงไว้ในช่วงเลือกตั้งนั้น นโยบายหนึ่งที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชน คือ นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทันที 450 วัน/วัน มาวันนี้ภาพของการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ชัดขึ้น เมื่อพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
ภาคประชาชนคงใจจดใจจ่อจะได้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาท/วันทันที ขณะที่ผู้ที่จะได้รับผลกระทบเต็มๆ คงหนีไม่พ้น เป็นบริษัท ภาคอุตสาหกรรมที่มีบุคลากรเป็นจำนวนมาก เมื่อค่าแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตอย่างชัดเจน
ล่าสุด ผู้ผลิตอาหารแช่เยือกแข็ง และอาหารสัตว์น้ำ และผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ และผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน ได้ออกมาแสดงจุดยืนเป็นอย่างไร SPOTLIGHT จะพามาฟังเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการกัน
นายสมศักดิ์ อมรรัตนชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ASIAN หรือ บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI “ขอประกาศเตรียมพร้อมลงทุนในประเทศเวียดนามหรือฟิลิปปินส์ เพื่อขยายโรงงานเพิ่มกำลังผลิต หรืออาจถึงขั้นเตรียมย้ายฐาน และอาจต้องยอมเอา Know-how เอาเงินทุนไปลง เพื่อให้ธุรกิจแข่งขันได้ในระยะยาว หากรัฐบาลใหม่นำนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวันมาใช้จริง”
ทั้งนี้ เมื่อค่าแรงขั้นต่ำของไทยเป็น 450 บาท/วันจริง ก็คาดว่าจะส่งกระทบต่อภาพรวมอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจทั้งระบบ และยังเปิดทางให้ประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ มีความน่าสนใจกับนักลงทุนมากกว่า เนื่องจากเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรวัยทำงานมาก และมีต้นทุนค่าจ้างแรงงานคุ้มค่ากว่าไทย
บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN ประกอบธุรกิจประเภทอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำแช่เยือกแข็ง จำหน่ายและส่งออก ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท และผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า
โดย ASIAN มีรายได้รวม และกำไรสุทธิ ดังนี้
ปี 2563 มีรายได้รวม 8,827.08 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 818.06 ล้านบาท
ปี 2564 มีรายได้รวม 9,593.14 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 1,044.32 ล้านบาท
ปี 2563 มีรายได้รวม 11,282.08 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 978.80 ล้านบาท
ขณะที่บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI ธุรกิจรับจ้างผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet food) อาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก (Human food) และผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้จากการแปรรูปทูน่า โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากการส่งสินค้าออกขายในต่างประเทศ
โดยกลุ่มบริษัทได้มีการพัฒนาแบรนด์ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ แบรนด์มองชู (monchou) และแบรนด์มาเรีย (Maria) (2) แบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงราคาย่อมเยาว์
สำหรับกลุ่มลูกค้าในตลาดมวลชน (Mass Market) ได้แก่ แบรนด์มองชู บาลานซ์ (monchou balanced) และแบรนด์ฮาจิโกะ (Hajiko) และ (3) แบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงส าหรับกลุ่มลูกค้าในตลาดที่มีการแข่งขันด้านราคาเป็น หลัก (Low-end Market) ได้แก่ แบรนด์โปร (Pro)
โดย AAI มีรายได้รวม และกำไรสุทธิ ดังนี้
ปี 2564 มีรายได้รวม 5,050.47 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 653.00 ล้านบาท
ปี 2564 มีรายได้รวม 7,199.07 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 859.11 ล้านบาท
ปี 2563 มีรายได้รวม 2,125.00 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 72.31 ล้านบาท