ผลงานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า รถมินิบัส-รถบรรทุก สัญชาติไทยโดยไทยรุ่ง

ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ปี 2565 มียอดผลิตรถยนต์รวม 1,883,515 คัน เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน และสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยมียอดขายรถยนต์ในประเทศ 843,791 คัน เพิ่มขึ้น 11% และยอดส่งออกต่างประเทศ 1,000,256 คัน เพิ่มขึ้น 4%

ในปี 2565 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ตั้งเป้าหมายการผลิตรถยนต์ ที่ระดับ 1,950,000 คัน เพิ่มขึ้น 4% แบ่งเป็นการส่งออก 1,050,000 คัน เพิ่มขึ้น 5% และขายในประเทศ 900,000 คัน เพิ่มขึ้น 7% และเชื่อมั่นว่ารถกระบะของไทยจะยังส่งออกได้ดี และไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และการที่ประเทศจีนเปิดประเทศจะส่งผลให้ปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์คลี่คลายลงมาก และทำให้เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ เพิ่มมากขึ้น

ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ปี 2565 กำไรเพิ่ม 4 เท่าจากปีก่อน

บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TRU ผู้ผลิตชิ้นส่วนและจัดจำหน่ายรถยนต์อเนกประสงค์สัญชาติไทย เปิดเผยผลประกอบการปี 2565 บริษัทมีรายได้ 3,029 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% และมีกำไรสุทธิ 394 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว  เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ช่วยส่งให้ธุรกิจในกลุ่มของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันธุรกิจหลักของ TRU แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ  

1. งานแม่พิมพ์และชิ้นส่วนยานยนต์ คิดเป็น 50% ของรายได้รวม
2. งานรับจ้างประกอบและทำสี คิดเป็น 40% ของรายได้รวม
3. รถพิเศษเฉพาะทางต่างๆ และ After sale service คิดเป็น 10 % ของรายได้รวม

โดยจะเห็นได้อย่างชัดว่ ารายได้หลักของปี 2565 ยังคงมาจากธุรกิจงานแม่พิมพ์และชิ้นส่วนยานยนต์ และรับจ้างประกอบและทำสี ซึ่งเป็นงานที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มามากกว่า 50 ปี

“ ปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ถือเป็นสัญญาณที่ดี ปี 2566 บริษัทเล็งเห็นโอกาสที่จะขยายงานได้อีกมากในอนาคต ในปีนี้เรามีโปรเจกต์ใหม่ส่งออกหัวเคบิน หรือห้องโดยสารรถขุดตักไปยังประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสามารถสร้างรายได้เพิ่มให้บริษัทประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี และยังมีงานรับจ้างผลิตรถสามล้อไฟฟ้าที่ยังคงมีออร์เดอร์อย่างต่อเนื่อง และมีโครงการใหม่รถสามล้อไฟฟ้าสำหรับขนส่งภายในปีนี้อีกด้วย” นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ TRU กล่าว

ปี 2566 เตรียมขยายตลาดในประเทศและส่งออก “รถหุ้มเกราะป้องกันกระสุน”

สำหรับปี 2566 บริษัทจะเน้นการสร้างมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ อย่าง ‘รถ TR TRANSFORMER’ ตั้งเป้าเติบโตทั้งการขายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ และสามารถต่อยอดนวัตกรรมไปยังผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้เข้ามาสร้างสีสันและไฮไลท์สำคัญแก่วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย

อาทิ “รถหุ้มเกราะป้องกันกระสุน” โดยปัจจุบันได้ผ่านการรับรองมาตรฐานยุทโธปกรณ์กระทรวงกลาโหมเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้านวัตกรรมไทย เพื่อขยายตลาดหน่วยงานราชการทั้งในประเทศและต่างประเทศ TRU มีส่วนร่วมในการส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจที่เป็น supply chain ในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และช่วยให้ประเทศไทยประหยัดงบประมาณนำเข้ายุทโธปกรณ์จากต่างประเทศได้

ขณะที่ภาครัฐมีนโยบายที่จะส่งเสริมสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น โดยมีนโยบายที่จะสนับสนุนให้ใช้รถบัสไฟฟ้าในการขนส่งมวลชนและรองรับธุรกิจท่องเที่ยวในเมือง เพื่อลดมลพิษ PM 2.5 และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) นั้น

TRU ได้พัฒนา “รถมินิบัสไฟฟ้า” ขนาด 20-26 ที่นั่ง สามารถวิ่งได้ 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จ มีขนาดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 105.3 kWh และยังได้พัฒนา “รถบรรทุกไฟฟ้า” (EV Truck) ขนาดบรรทุก 1,500 กิโลกรัม สามารถวิ่งได้ 240 กิโลเมตรต่อการชาร์จ เพิ่มเติมจากการผลิตรถสามล้อไฟฟ้าที่ผลิตอยู่ในปัจจุบัน เพื่อรองรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และโลจิสติกส์  (Logistic) มีการเติบโตสูงมาก

ทั้งนี้ การพัฒนารถไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่นดังกล่าว เป็นหนึ่งในเป้าหมายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยมีนโยบายดำเนินธุรกิจสู่เป้าหมาย Carbon neutral และ Net zero emissions ในอนาคต และคาดว่าจะสามารถเปิดตลาดได้ภายในปี 2566 นี้ นับว่าเป็นธุรกิจที่มีอนาคตสดใส

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจการรับจ้างประกอบรถยนต์และยานยนต์ไฟฟ้าให้กับบริษัทต่าง ๆ ที่ต้องการขยายตลาดเข้ามาขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย รวมทั้งมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าเพิ่มสูง

นอกจากนี้ คณะกรรมการ TRU มีมตินำเสนอให้ผู้ถือหุ้นจ่ายปันผลในอัตรา 0.45 บาท/หุ้น คิดเป็น 69% ของกำไร โดยแบ่งเป็นหุ้นปันผล 10 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล และปันผลเป็นเงินสด 0.35 บาท/หุ้น