จากกรณีกระแสดราม่าที่มีการร้องเรียนเกิดขึ้นจำนวนมากในประเด็นการขายบัตรบัตรคอนเสิร์ตของศิลปินดังระดับโลกในต่างประเทศที่จะเข้าเปิดแสดงคอนเสิร์ตในประเทศ ทั้งจาก เกาหลี ฮ่องกง ไต้หวัน และศิลปินจากประเทศฝั่งตะวันตก โดยการขายบัตรคอนเสิร์ตราคาแพง รวมทั้งยังแจ้งข้อมูลรายละเอียดการจัดงานและเงื่อนไขอื่น ๆ ไม่ชัดเจน ทำให้เมื่อจ่ายเงินบัตรคอนเสิร์ตไปแล้วไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้
ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กำลังพิจารณาแนวทางการดูแล และช่วยเหลือผู้บริโภค หลังจากในช่วงที่ผ่านมา ทางกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านโฆษณา ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภค ทั้งที่แจ้งมาเป็นทางการผ่านช่องทาง สคบ. และการร้องเรียนอย่างไม่เป็นทางการมาหลายราย
โดยนายจิติภัทร์ บุญสม ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านโฆษณา สคบ. กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นความจริง เนื่องได้รับการร้องเรียนมาจากผู้บริโภคมาหลายราย เช่น การโฆษณาว่าจะจัดคอนเสิร์ตแล้วก็เลื่อน หรือขอให้สคบ.ช่วยดูการโฆษณาขายบัตรในราคาที่สูง และไม่ได้มีมาตรฐานทางด้านราคามาควบคุม
เช่นเดียวกับกรณีผู้บริโภคไม่รู้ถึงสภาพการบริการ ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นสิทธิของผู้บริโภคอย่างชัดเจน เพราะผู้บริโภคจะต้องรู้ข้อมูลของสินค้าและบริการอย่างถูกต้องและเพียงพอ ซึ่งสิทธิของผู้บริโภคเรื่องนี้ ได้ถูกกำหนดเอาไว้ ภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ด้วย
“ปัญหาของเรื่องบัตรคอนเสิร์ต คือไม่มีคนเข้ามาคุมเรื่องของคุณภาพ เพราะปกติสินค้าและบริการโดยทั่วไปจะต้องมีคนมาควบคุมคุณภาพ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้บริโภคที่จะตัดสินใจซื้อ แต่กรณีนี้กลับไม่มี ในเมื่อไม่มีคนเข้ามาดูที่ชัดเจน ก็ควรต้องเป็นสคบ.ที่เข้าไปดูแลแทน โดยจะหารือก่อนว่าจะมีแนวทางทำอย่างไรได้บ้าง” นายจิติภัทร์ กล่าว
ทั้งนี้ยืนยันว่า ที่ผ่านมาในเรื่องการดูแลรับผิดชอบด้านราคา อำนาจหน้าที่อาจไม่ใช่สคบ. เพราะจะมีหน่วยงานที่กำกับดูแลเรื่องราคาโดยตรงคือ กระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากมี พ.ร.บ.สินค้าและบริการ ควบคุมอยู่ แต่หากการควบคุมคุณภาพ เมื่อไม่มีหน่วยงานไหนดูแลเป็นการเฉพาะ สคบ.ก็คงต้องมาพิจารณาวิธีเข้าไปควบคุมดูแล เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่กระทบสิทธิผู้บริโภคชัดเจน
อย่างไรก็ตามในเบื้องต้น สคบ. อาจต้องหารือกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่ามีการควบคุมดูแลกันอย่างไรบ้าง หรืออาจหาทางส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มกันดูแลและจัดการเรื่องของบัตรคอนเสิร์ตให้มีคุณภาพ
โดย สคบ. จะเป็นผู้ประสานงานเรื่องนี้ แต่จะไม่ใช่การเข้าไปควบคุมธุรกิจเพียงอย่างเดียว เบื้องต้นจะดูว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับโฆษณา สัญญา หรือเข่าข่ายการตลาดแบบตรง ซึ่งเป็นอำนาจโดยตรงของสคบ. ก่อนว่าเข้าข่ายเรื่องไหนหรือไม่
“ในมุมมองส่วนตัวเห็นว่าหากไม่มีใครควบคุมก็อาจใช้กลไกของสคบ.เข้าไปคุมได้ในส่วนที่เกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องคุยกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งเอกชน หรือหน่วยงานต่าง ๆ เป็นทางการอีกครั้ง เบื้องต้นจะหารือเรื่องนี้กับรองเลขาธิการสคบ. เพื่อเชิญทุกคนที่เกี่ยวข้องมาประชุมสักครั้งว่าจะคุมเรื่องคุณภาพมาตรฐานอย่างไรออกมาให้ผู้บริโภคเกิดความสบายใจ” นายจิติภัทร์ กล่าว