ธุรกิจการตลาด

ยอดเรียกรถผ่าน Bolt พุ่ง 800% พบคน Gen Z นิยมใช้แอปมากกว่ามีรถส่วนตัว

14 มิ.ย. 67
ยอดเรียกรถผ่าน Bolt  พุ่ง 800% พบคน Gen Z นิยมใช้แอปมากกว่ามีรถส่วนตัว

พฤติกรรมการใช้จ่าย มักมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละยุคสมัย ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม แต่สำหรับยุคนี้ โลกของเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะสำหรับบริการแอปพลิเคชั่น ที่มียอดการใช้งานเติบโตขึ้นสูงอย่างเห็นได้ชัด

ซึ่งสาเหตุที่คนทั่วโลกหันมานิยมใช้รถผ่านบริการแอปมากขึ้น สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคของคนในแต่ละรุ่นอย่างชัดเจน อย่างคนยุค Baby Boomer มีมุมมองการเป็นเจ้าของบ้านหรือรถเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต เพราะเปรียบเสมือนเครื่องยืนยันการเปลี่ยนผ่านจากวัยเด็กสู่ผู้ใหญ่แบบเต็มตัว

แต่สำหรับในยุคนี้ ทัศนคติและพฤติกรรมเหล่านี้ได้เปลี่ยนไป หลังจากยุคของกลุ่ม Gen X ที่ใช้จ่ายเสริมสถานะของตัวเอง โดยได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมของเหล่าดารา ในขณะที่กลุ่ม Millennials ให้ความสำคัญกับการซื้อประสบการณ์ มากกว่าสิ่งของ และกลุ่ม Gen Z มองการใช้จ่ายเป็นการแสดงออกถึงตัวตน

การที่คนรุ่นใหม่มีมุมมองที่แตกต่างออกไป มาจากปัจจัยกดดันหลายอย่างในปัจจุบัน ทั้งทางเศรษฐกิจ และสังคม เช่น ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ค่าอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้น หนี้การศึกษา และอิทธิพลของสมาร์ทโฟน เทรนด์การไม่เป็นเจ้าของจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในอสังหาริมทรัพย์ ความสำเร็จของบริการยานพาหนะ (ride-hailing) บริการสตรีมวิดีโอ เพลง หรือบริการแบบสมัครสมาชิก

โดยผลสำรวจจาก McKinsey ในปี 2023 เผยว่าผู้ที่มีอายุเกิน 45 ปี ใช้ยานพาหนะส่วนตัวเฉลี่ย 4 ครั้งต่อสัปดาห์ เทียบเป็น 49% ของผู้ที่มีอายุ 30-45 ปี และ 42% ของผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี ตอกย้ำว่า คนรุ่นใหม่ให้คุณค่าและความสำคัญกับการเข้าถึงบริการหรือสินค้าตามความต้องการของผู้บริโภคบนโลกดิจิทัล มากกว่าการเป็นเจ้าของสิ่งที่จับต้องได้

คุณณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการประจำโบลท์ ประเทศไทย เผยว่า เทรนด์คนรุ่นใหม่ใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันมากขึ้น โดยอ้างอิงจากข้อมูลสถิติในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โบลท์มีการขยายช่วงระยะทางในการวิ่งงานเพิ่มมากขึ้นกว่า 19% ในขณะที่การเรียกใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 600% และเมื่อนับจากช่วงเวลาที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยครั้งแรก ยอดจำนวนผู้ใช้บริการแอปพลิเคชันโบลท์มีเพิ่มมากขึ้นถึง 800% การให้บริการโดยยานพาหนะ 4 ล้อที่ใช้งานบนโบลท์เพิ่มขึ้น 9.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ส่วนผลการสำรวจของ โบลท์ โกลบอล ที่จัดทำโดย Oliver Wyman ระบุว่าการใช้ยานพาหนะที่ใช้ร่วมกันเป็นวิธีการเดินทางที่ประหยัดกว่าสำหรับผู้ที่เดินทางในระยะทางไม่เกิน 15,000 กิโลเมตรต่อปี ข้อมูลนี้เน้นย้ำถึงความจริงที่ว่ารถยนต์ในยุโรปโดยทั่วไปมีอัตราการวิ่งอยู่ที่ 11,000 กิโลเมตรต่อปี ซึ่งลดลง 1,700 กิโลเมตรเมื่อเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา

โดยโบลท์ ตระหนักถึงความสำคัญและพร้อมปรับตัวรับเทรนด์ดังกล่าว และเชื่อมั่นในการส่งเสริมเครือข่ายการขนส่งสาธารณะที่มีอยู่อย่างไร้รอยต่อ โดยบริการแบ่งปันยานพาหนะ จะเป็นหนทางหลักในการเดินทางของผู้คนในอนาคต อีกทั้งยังส่งเสริมในเรื่องความยั่งยืน การลดมลภาวะ และสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ที่แออัดของคนในยุคปัจจุบันด้วย

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเข้าถึงบริการดิจิทัลมากกว่าการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทำให้มุมมองการมีรถยนต์ส่วนตัวเปลี่ยนไปจากทรัพย์สินที่มีไว้ในครอบครอง กลายเป็นสาธารณูปโภคที่สามารถเข้าถึงได้ หันมาใช้แอปพลิเคชันเรียกยานพาหนะ บริการเช่ารถแบบ car-sharing ยานพาหนะขนาดเล็ก และขนส่งสาธารณะ ช่วยลดค่าใช้จ่าย และมลภาวะ

นอกจากนี้ การขยายตัวของสังคมเมือง การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร และการย้ายถิ่นฐานเข้ามาอาศัยอยู่ในตัวเมือง ทำให้ความต้องการต่อรูปแบบของระบบขนส่งสาธารณะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการจราจรและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น พื้นที่ที่จำกัด และการปล่อยมลพิษที่สูงขึ้น ทำให้ผู้คนเปลี่ยนจากการใช้รถยนต์ส่วนตัว สู่ทางเลือกอื่นในการเดินทางอย่างระบบขนส่งสาธารณะ หรือแอปเรียกรถมากขึ้น

ซึ่งดูเหมือนว่า จำนวนประชากรในเขตเมืองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมือนที่องค์การสหประชาชาติ หรือ UN คาดการณ์ว่า ภายในปี 2050 ประชากรโลก 68% จะอาศัยอยู่ในเขตเมือง จากเพียง 55% ในปี 2018

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT