ธุรกิจการตลาด

SENA พลิกกฎที่อยู่อาศัย เปลี่ยนค่าเช่า เป็นเงินออม ให้คนมีบ้านง่ายขึ้น

10 เม.ย. 67
SENA พลิกกฎที่อยู่อาศัย เปลี่ยนค่าเช่า เป็นเงินออม ให้คนมีบ้านง่ายขึ้น

ท่ามกลางภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอตัว บวกกับปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง อัตราเงินเฟ้อ ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยสูงขึ้นไม่สอดคล้องกับการปรับตัวของรายได้ นโยบายการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่มีความเข้มงวด ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่ม New Gen และกลุ่มผู้มีกำลังซื้อระดับปานกลาง -ล่าง มักจะถูกปฏิเสธสินเชื่อ ทำให้คนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยมีบ้านเป็นของตัวเองได้ยากขึ้น จาก pain points นี้ ถือเป็นจุดสำคัญที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ต้องมีการคำนึงถึง 

บทความนี้ SPOTLIGHT จะพามาดูบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งที่ศึกษาและหาแนวทางการแก้ปัญหา และพลิกกฎการมีที่อยู่อาศัยจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิง

โดย “เสนาดีเวลลอปเม้นท์” รุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ ได้ฉีกทุกกฎการอยู่อาศัย ด้วยนวัตกรรมทางการเงินที่ครบวงจร เป็นเจ้าของบ้านแบบใหม่ ไม่ต้องชำระเงินดาวน์ ไม่ต้องรออนุมัติสินเชื่อจากธนาคาร ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ “LivNex เช่าออมบ้าน” ที่สามารถเลือกโครงการ SENA ที่ต้องการได้ แค่ทำสัญญา เช่าออม ก็ย้ายเข้าอยู่ได้เลย และยังสามารถโอนสิทธิ์เปลี่ยนมือได้ ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.8 % คงที่ ลดต้น ลดดอก นาน 36 งวด นำร่อง 19 โครงการพร้อมเข้าอยู่ทุกทำเล เสนาเข้าใจและตั้งใจที่จะทำให้ทุกคนมีโอกาสเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยคุณภาพพร้อมยังมุ่งมั่นตอบโจทย์ทั้งปัญหาและความต้องการของทุกคนได้อย่างแท้จริง

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ (ดร.ยุ้ย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้วิสัยทัศน์ Live Long Trusted Partner เผยว่า เสนาฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการเงินที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัย ผ่านนวัตกรรมทางการเงินใหม่ที่ครบวงจร “LivNex เช่าออมบ้าน” (Pay like rent, Own like savings) ฉีกทุกกฎการอยู่อาศัย ช่วยให้ลูกค้าเป็นเจ้าของบ้านแบบใหม่ได้ง่ายๆ เพียงจ่ายค่าเช่า เท่ากับมีเงินออม ไว้หักเงินต้นเมื่อพร้อมกู้สินเชื่อบ้าน ไม่ต้องชำระเงินดาวน์ ไม่ต้องรออนุมัติสินเชื่อจากธนาคาร ก็สามารถเลือกโครงการ SENA ที่ต้องการได้ แค่ทำสัญญาเช่าออมก็ย้ายเข้าอยู่ได้เลย และยังสามารถโอนสิทธิ์เปลี่ยนมือได้อีกตามราคาที่ตกลงกับผู้เช่าออม หรือ ผู้ซื้อคนใหม่ นับเป็นการอำนวยความสะดวกกับลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย แต่ยังไม่พร้อมกู้ และยังสามารถผ่อนได้สูงสุด 36 เดือน ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.8 % คงที่ ลดต้น ลดดอก ตลอดสัญญา    

สำหรับรูปแบบของ LivNex จะเป็นการทำสัญญา “เช่าออมบ้าน” โดยเงินค่าเช่าที่ลูกบ้านจ่ายจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เงินเช่าออมสะสม และเงินดอกเบี้ย ซึ่งทางเสนาคิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับในตลาดที่ 1.8% เท่านั้น สัญญามีระยะเวลา 3 ปี ค่าเช่ารายเดือนทุกเดือนจะถูกหักดอกเบี้ยและสะสมไว้ให้ลูกบ้านจนครบสัญญา หรือเมื่อพร้อมกู้เงินสินเชื่อ ลูกค้าจะสามารถซื้อบ้านได้ในราคาบ้านที่หักเงินเช่าออมสะสม

ยกตัวอย่าง

คอนโดราคา 1 ล้านบาท ลูกบ้านจ่ายค่าแรกเข้า 3 เดือน 12,300 บาท จากนั้นผ่อนเช่าออมบ้านต่อ เดือนละ 4,100 บาท ซึ่งเมื่อหักดอกเบี้ยแล้วจะเหลือส่วนที่เป็นเงินเช่าออมบ้านสะสมเดือนแรก 2,618 บาท โดยจะสะสมเพิ่มขึ้นไปทุกเดือน (คิดดอกเบี้ยลดต้นลดดอก) เมื่อครบสัญญา 3 ปี ลูกค้าจะมีเงินสะสมรวมค่าแรกเข้าที่ 106,322 บาท และจะสามารถทำเรื่องซื้อคอนโดได้ที่ราคา 893,678 บาท จากราคาเดิม 1 ล้านบาท 

จะเห็นได้ว่า ราคาบ้านที่ลูกบ้านจะทำการซื้อเมื่อครบสัญญานั้นถูกลง ลูกบ้านมีระยะเวลา 3 ปี ในการบริหารจัดการเครดิตส่วนบุคคล มีเวลาในการสร้างรายได้ประจำเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มวงเงินในการกู้ ขณะที่ยอดที่กู้ก็จะลดลงจากการนำเงินเช่าออมสะสมมาหักลบ ซึ่งตลอดระยะเวลาสัญญาทางเสนาจะมีทีมผู้เชี่ยวชาญทางการเงินคอยให้คำปรึกษาตลอด หรือถ้าลูกบ้านมีเหตุให้ไม่สามารถเช่าออมบ้านต่อได้ระหว่างสัญญา ก็สามารถโอนสิทธิ์ซึ่งมีเงินเช่าออมสะสมอยู่นี้ต่อให้คนอื่นได้ด้วย (อยู่ในการพิจารณาของบริษัท) LivNex จึงเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เสนาภูมิใจในการนำเสนอ เพื่อช่วยแก้ปัญหาการเข้าถึงการเป็นเจ้าของที่พักอาศัยได้อย่างแท้จริง

โดย “LivNex เช่าออมบ้าน” จะเป็นตัวช่วยสำคัญให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยสำหรับบุคคลทั่วไป และโดยเฉพาะกลุ่มที่ยังมีความพร้อมด้านการเงินไม่เพียงพอที่ต้องเช่าบ้านอยู่ กลุ่ม First Jobber, กลุ่มอาชีพอิสระที่ขาดเอกสารทางการเงินที่ครบถ้วน ที่มาพร้อมกับที่ปรึกษาด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งช่วยวางแผนปรับปรุงเครดิตระหว่างการเช่าออมบ้าน เพื่อให้ลูกค้าสามารถกู้สินเชื่อที่เหมาะสมกับตนเองในเวลาที่เหมาะสม 

ปัจจุบัน LivNex มีโครงการที่พักอาศัยของเสนาฯให้เลือกเป็นเจ้าของทั้งหมด 19 โครงการ กระจายอยู่หลายทำเลที่มีศักยภาพ อาทิ สุขุมวิท รามคำแหง บางนา แจ้งวัฒนะ รังสิต เป็นต้น โดยครอบคลุมทุกระดับราคาตั้งแต่ต่ำกว่าล้านจนถึงระดับราคาสูงกว่า 5 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถมีผู้สนใจในโครงการนี้ได้ประมาณ 1,000 ยูนิต มูลค่ารวมรวม 1,400 ล้านบาท 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT