หลังจากเผชิญกับภาวะขาดทุนติดต่อกัน 2 ปี ไปรษณีย์ไทยกลับมาพลิกฟื้นธุรกิจได้อย่างสวยงาม ปิดปี 2566 ด้วยรายได้รวม 20,934 ล้านบาท เติบโต 7.40% และมีกำไรสุทธิ 78.54 ล้านบาท อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ไปรษณีย์ไทยกลับมาทำกำไรได้ ? และ ไปรษณีย์ไทยมีกลยุทธ์อะไรสำหรับปี 2567 และ ในอนาคต ?
ไปรษณีย์ไทยพลิกฟื้น! กำไรพุ่ง 78 ล้าน รายได้ทะลุ 2 หมื่นล้าน
ไปรษณีย์ไทยสร้างความฮือฮา ประกาศผลประกอบการปี 2566 พลิกฟื้นกลับมามีกำไร 78.54 ล้านบาท พร้อมรายได้รวม 20,934.47 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 7.40% พร้อมมุ่งสู่เป้าหมาย Trusted Sustainable ASEAN Brand โดยไปรษณีย์ไทยมุ่งมั่นสร้างแบรนด์เลิฟในใจคนไทย ตั้งเป้าเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและยั่งยืนชั้นนำในอาเซียนภายใน 3 ปี สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี ของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย มีดังนี้
ปี | รายได้ (ล้านบาท) |
กำไร-ขาดทุน สุทธิ
(ล้านบาท)
|
2562 | 27,162 | 589 |
2563 | 23,712 | 238 |
2564 | 21,226 | -1,730 |
2565 | 19,546 | -3,018 |
2566 | 20,934 | 78.54 |
ตั้งเป้าปี 2567 รายได้ 22,802 ล้านบาท กำไร 350 ล้านบาท
จากผลสำรวจความภักดี ความผูกพัน และความไว้วางใจในแบรนด์ไปรษณีย์ไทยปี 2566 พบว่า ผู้ใช้บริการมีความพึงพอใจสูงถึง 96.3% สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไปรษณีย์ไทยในการยกระดับบริการ พัฒนาเครือข่ายที่ทำการ บุรุษไปรษณีย์ และสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับทุกภาคส่วน ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้ารายได้รวมปี 2567 ไว้ที่ 22,802 ล้านบาท คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 350 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นกลุ่มบริการหลัก ได้แก่ บริการไปรษณีย์ บริการขนส่งและโลจิสติกส์ บริการค้าปลีก และบริการการเงิน นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยมีจุดแข็งด้านทรัพยากรที่พร้อมสนับสนุนการบรรลุเป้าหมาย ประกอบด้วย เครือข่ายไปรษณีย์ที่ครอบคลุมกว่า 50,000 แห่ง ทีมบุรุษไปรษณีย์ แพลตฟอร์ม Postman Cloud ศูนย์ไปรษณีย์ โมเดลการแสวงหารายได้ใหม่ที่ยั่งยืน เช่น บริการด้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจรภายใต้แบรนด์ Prompt Post สินค้า House Brand ภายใต้สินค้าตราไปร
ไปรษณีย์ไทย มุ่งสู่แบรนด์ที่ยั่งยืนและน่าเชื่อถือแห่งอาเซียน
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดขนส่งในปี 2566 ที่ผ่านมา ยังคงมีการเติบโตตามอานิสงส์ของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยไปรษณีย์ไทยมีรายได้รวม 20,934.47 ล้านบาท เติบโตสูงขึ้น 7.40% มีกำไร 78.54 ล้านบาท รายได้หลัก มาจากธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้สูงสุด เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึง 19.35% ปัจจัยที่หนุนการเติบโต ได้แก่ บริการที่ครอบคลุมผู้ใช้บริการทุกกลุ่ม จุดให้บริการที่สะดวก การพัฒนาประสบการณ์การใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และ มุ่งเน้นคุณภาพตลอดกระบวนการ
นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังเห็นโอกาสจาก ธุรกิจค้าปลีกและการเงิน จึงพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจนี้มีรายได้เติบโตขึ้น 34.26% สำหรับโรดแมพใน 3 ปีข้างหน้า ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้าเป็น Trusted Sustainable ASEAN Brand ดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนและเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือแห่งอาเซียน ในปี 2567 ไปรษณีย์ไทยได้ปรับวิสัยทัศน์เป็น ส่งมอบการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านเครือข่ายไปรษณีย์ (Delivering Sustainable Growth through Postal Network) พร้อมวางกลยุทธ์ 10 ประการ ดังนี้
- มุ่งเน้นคุณภาพ หลีกเลี่ยงสงครามราคา
- ปรับภาพลักษณ์องค์กรจากรัฐวิสาหกิจสู่เอกชน
- พัฒนา Logistics Company สู่ Information Logistics Company
- บูรณาการข้อมูลให้ทุกภาคส่วนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกัน
- ยกระดับสัมพันธภาพที่ดีให้เป็นความเชื่อมั่น
- ขยายฟังก์ชันการทำงานของบุรุษไปรษณีย์สู่ Post – Gentleman as a service
- ปรับสนามการแข่งขันให้เป็นความร่วมมือ
- มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้าน Green Logistics
- พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเติบโต
- พัฒนาทรัพยากรบุคคลสู่อนาคต
ไปรษณีย์ไทย ตั้งเป้ารายได้ปี 2567 ทะลุ 22,802 ล้านบาท มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ดร.ดนันท์ กล่าวเสริมว่า ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้าหมายรายได้รวมปี 2567 ไว้ที่ 22,802 ล้านบาท คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 350 ล้านบาท โดยอาศัยทรัพยากรที่มีศักยภาพ ครอบคลุมทุกพื้นที่ ได้แก่
- เครือข่ายไปรษณีย์ที่ครอบคลุม ไปรษณีย์ไทยมีเครือข่ายกว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศ ล่าสุดได้ร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดจุดให้บริการ "ไปรษณีย์ไทย@ธงฟ้า" ตั้งเป้า 20,000 แห่ง ภายในปี 2567
- บุรุษไปรษณีย์ ไปรษณีย์ไทยมีบุรุษไปรษณีย์กว่า 25,000 คน ที่สามารถให้บริการได้ตลอด 365 วัน
- ศูนย์ไปรษณีย์สกลนคร ไปรษณีย์ไทยได้เปิดศูนย์ไปรษณีย์สกลนครเพื่อรองรับการขยายตัวของปริมาณงานในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน
ด้านบริการใหม่ของไปรษณีย์ไทย จะมุ่งแสวงหารายได้ใหม่ที่ยั่งยืน ตัวอย่างบริการใหม่ อาทิ บริการทายผลฟุตบอลยูโร 2024, บริการ e-Timestamp e-Signature e-Seal ส่งเสริมความเชื่อมั่นและความปลอดภัยในการจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์, เพิ่มช่องทางการรับ-ส่งพัสดุ ด้วยตู้ไปรษณีย์ดิจิทัล (Digital Post Box), Postman as a Service บริการหลากหลายรูปแบบ เช่น การสำรวจสินทรัพย์ การรับส่งสิ่งของแบบ On Demand และ ไทยแลนด์โพสต์มาร์ท แพลตฟอร์มสำหรับรุกขายสินค้าตัวท้อป นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยมีสินค้า House Brand เช่น กาแฟ ข้าวสาร น้ำดื่ม “ตราไปร” ที่คัดสรรสินค้าคุณภาพดีมาจำหน่าย
ไปรษณีย์ไทย มุ่งสู่ปี 2567 ด้วยกลยุทธ์ตอบโจทย์อนาคต
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มองภาพรวมธุรกิจไปรษณีย์และขนส่งในปี 2567 ว่ามีความสำคัญยิ่งต่อเศรษฐกิจและสังคม ไปรษณีย์ไทย มุ่งมั่นสร้างความแตกต่างเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในระยะยาว โดยยึดหลักการเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม และมุ่งเน้นเจาะกลุ่มตลาดเฉพาะทาง (Niche Market) สำหรับ กลยุทธ์หลัก ของไปรษณีย์ไทยในปี 2567 ประกอบด้วย
- บริการขนส่งสินค้าเฉพาะทาง: เน้นสินค้าเกษตร สิ่งของขนาดใหญ่ สินค้าควบคุมอุณหภูมิ ยาและเวชภัณฑ์
- เทคโนโลยี: เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารระวางการขนส่ง ลดต้นทุน เพิ่มความแม่นยำ ติดตามได้แบบเรียลไทม์
- ประสบการณ์ที่ดี: บริการยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนตามความต้องการ บริการจัดส่งทุกวันไม่มีวันหยุด
- การจ่าหน้าดิจิทัล: พัฒนาระบบจ่าหน้าแบบดิจิทัล
- บริการคลังสินค้า: ให้บริการคลังสินค้าครบวงจร
- บริการระหว่างประเทศ: ขนส่งสินค้าทางราง ทางอากาศ หรือ Cargo Mode บริการ Courier Lite
- ช่องทางชำระเงิน: เพิ่มความสะดวกด้วย We Chat และ Ali Pay เริ่มไตรมาส 2 ปี 2567
ทั้งนี้ ในปี 2566 ไปรษณีย์ไทยประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยสามารถแบ่งสัดส่วนรายได้จากกลุ่มงานต่าง ๆ ได้ดังนี้
- กลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์: 45.56%
- กลุ่มบริการไปรษณียภัณฑ์: 33.85%
- กลุ่มบริการระหว่างประเทศ: 13.43%* กลุ่มบริการค้าปลีกและการเงิน: 4.90%
- กลุ่มธุรกิจอื่น ๆ: 0.96%
- รายได้อื่น ๆ: 1.30%
สำหรับปี 2567 ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจและเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มงานต่าง ๆ ดังนี้
- กลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์: 46.12%
- กลุ่มบริการไปรษณียภัณฑ์: 32.48%
- กลุ่มบริการระหว่างประเทศ: 13.98%
- กลุ่มบริการค้าปลีกและการเงิน: 5.10%
- กลุ่มธุรกิจอื่น ๆ: 0.90%
- รายได้อื่น ๆ: 1.42%
ไปรษณีย์ไทยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล และพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ครบวงจรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดร.ดนันท์ กล่าวปิดท้าย