บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการมีเดียและบันเทิง อย่าง Paramount Global ประกาศแผนลดจำนวนพนักงานลง 800 ตำแหน่ง คิดเป็น 3% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด การปรับลดครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เพื่อลดค่าใช้จ่าย และพยายามให้บริษัทกลับมาทำกำไรให้ได้อย่างต่อเนื่องในปีนี
Paramount Global ทยอยปลดพนักงานครั้งใหญ่กว่า 800 คน เซ่นพิษเศรษฐกิจ
จากรายงานของ Reuters ระบุว่า Paramount Global บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการมีเดียทั้งสื่อบันเทิง สื่อกีฬา และผลิตภาพยนตร์ระดับฮอลลีวู้ดชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา เวลานี้กำลังเผชิญความท้าทายทางธุรกิจ กำไรไม่ไปตามเป้า จึงมีแผนจะปลดพนักงานประมาณ 800 ตำแหน่ง คิดเป็น 3% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดอยู่จำนวน 24,500 คน การปรับลดครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เพื่อลดค่าใช้จ่าย และพยายามให้บริษัทกลับมาทำกำไรให้ได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้ แม้ว่าล่าสุด Paramount จะประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจากการถ่ายทอดสดการแข่งขัน Super Bowl ซึ่งมีผู้ชมสูงถึง 123.4 ล้านคน ทำสถิติมากเป็นประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ ซีบีเอส (บริษัทในเครือ Paramount Global)ยังมีรายได้จากการคิดค่าโฆษณาในแมทช์แข่งขันซุปเปอร์โบว์ครั้งนี้อยู่ที่ 6.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 234 ล้านบาทต่อทุก 30 วินาที แต่ถึงแม้จะมีรายได้เข้ามา บริษัทก็ยังมีความจำเป็นต้องลดขนาดองค์กรลงอยู่ดี และยังมีแนวโน้มว่าจะมีการลดตำแหน่งในสำนักงานนอกสหรัฐฯอีกด้วย
สาเหตุของความเปลี่ยนแปลงมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป คนนิยมดูสตรีมมิ่งมากกว่าทีวีแบบเดิม ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมมีเดียโดยรวม ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและต้นทุนโฆษณาที่ลดลง ทำให้บริษัทฯ จำเป็นต้องปรับตัว โดย Bob Bakish ซีอีโอของ Paramount Global ให้ความมั่นใจว่า "การเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นนี้จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายของเรา ทำให้เรามีศักยภาพที่จะแข่งขันและพร้อมเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ผมเชื่อมั่นว่า Paramount Global มีอนาคตที่สดใสรออยู่"
แผนลดพนักงานมีมาตั้งแต่ต้นปี 2024
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา Bob Bakish เคยออกมาให้สัมภาษณ์ โดยบอกเป็นนัยว่าบริษัทมีความจำเป็นต้องปรับลดจำนวนพนักงานลง เนื่องจากอุตสาหกรรมบันเทิงกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง ทั้งเรื่องพฤติกรรมการรับชมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นทางบริษัทยังไม่ได้ระบุตัวเลขการปลดพนักงานที่ชัดเจน
Bakish ยังประกาศอีกว่า Paramount จะปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ด้วยการทุ่มทรัพยากรไปที่การต่อยอดหนัง ซีรีส์ หรือแฟรนไชส์เดิมที่มีความแข็งแกร่งและประสบความสำเร็จที่สุด ขณะเดียวกันจะลดการลงทุนในโปรเจกต์ใหม่ ๆ ที่ยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะโปรเจกต์ที่ผลิตในระดับท้องถิ่นหรือระดับนานาชาติที่อาจมีความเสี่ยงสูงกว่า
ลือ Paramount อาจขายกิจการ
ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคมสำนักข่าว Reuters เคยรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า David Ellison ซึ่งเป็นซีอีโอของ Skydance Media กำลังสนใจธุรกิจของ Paramount Global โดยอาจมีแผนยื่นข้อเสนอด้วยเงินสดเพื่อซื้อกิจการทั้งหมดจากบริษัทแม่ที่มีชื่อว่า National Amusements
สำหรับ Paramount Global ประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจจำนวนมาก อาทิ สถานีโทรทัศน์ช่องซีบีเอส(CBS) เครือข่ายสถานีโทรทัศน์ระบบสมาชิก อย่าง บีอีที คอมมาดี้ เซ็นทรัล และค่ายหนังยักษ์ใหญ่อย่าง พาราเมาท์ พิคเจอร์ ที่เป็นเจ้าของผลงานระดับบล็อกบัสเตอร์ที่มีชื่อเสียงหลายเรื่อง ตัวอย่างเช่น แฟรนไชส์หนังแอคชั่นอย่าง "Top Gun" และ "Mission: Impossible" รวมถึงซีรีส์ที่เรตติ้งสูงอย่าง "Yellowstone" ที่ยังสร้างรายได้เข้าบริษัทอย่างต่อเนื่อง แต่ ธุรกิจ สตรีมมิ่งภาพยนตร์อย่าง พาราเมาท์พลัส มีผลประกอบการขาดทุนทุกไตรมาส เมื่อไตรมาสที่ 3 ในปี 2023 ขาดทุน 238 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 8,568 ล้านบาท
สถานการณ์การปลดพนักงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสะเทือนหลายวงการ
จากข้อมูลในเว็บไซต์ Layoffs.fyi เผยว่ามีบริษัทด้านเทคโนโลยีทั่วโลกจำนวนมากถึง 141 แห่งที่ประกาศลดพนักงานในปีนี้ ซึ่งตัวเลขรวมพนักงานที่ถูกปลดออกไปแล้วน่าจะสูงกว่า 34,000 คน ปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อวงการเทคโนโลยีโดยตรง แต่ยังลุกลามมาถึงวงการสื่อด้วย สังเกตได้จากสำนักข่าวใหญ่ ๆ อย่าง Los Angeles Times และ Business Insider ที่ก็เพิ่งจะมีการลดตำแหน่งงานภายในองค์กรเช่นกัน
การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมมีเดีย พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หันมาดูสตรีมมิ่งมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจสื่อแบบดั้งเดิม ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและต้นทุนโฆษณาที่ลดลง ทำให้บริษัทฯ จำเป็นต้องปรับตัว ดังนั้น การปลดพนักงานของ Paramount Global เป็นสัญญาณเตือนถึงความท้าทายที่อุตสาหกรรมมีเดียกำลังเผชิญ บริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมนี้อาจต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกันในอนาคต
ที่มา Reuters