ธุรกิจการตลาด

Meta เลย์ออฟพนักงาน 11,000 คน สูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท 

9 พ.ย. 65
Meta เลย์ออฟพนักงาน 11,000 คน สูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท 

Meta (Facebook) เลย์ออฟพนักงาน 11,000 คน สูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท หรือ 13% ของพนักงานทั่วโลก เซ่นผลประกอบการแย่ หุ้นตกระนาว


เป็นไปตามคาดว่าเลย์ออฟคนออกครั้งนี้ "ไม่ธรรมดา" 

ล่าสุด มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ได้ส่งอีเมลถึงพนักงานแจ้งข่าวการปลดพนักงานออกครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัทแล้ว โดยเป็นการปลดออกถึง 11,000 คน หรือเป็นสัดส่วน 13% ของพนักงานประมาณ 87,000 คนทั่วโลก

“วันนี้ผมจะมาแชร์การเปลี่ยนแปลงที่ยากที่สุดที่เราเคยทำในประวัติศาสตร์ของ Meta”

“ผมได้ตัดสินใจลดขนาดทีมของเราลงประมาณ 13% และปล่อยให้พนักงานที่มีความสามารถของเรามากกว่า 11,000 คนจากไป เรากำลังดำเนินการเพิ่มเติมอีกหลายขั้นตอนเพื่อเป็นบริษัทที่มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยลดการใช้จ่ายและขยายการฟรีซจ้างงานใหม่ออกไปจนถึงไตรมาสที่ 1 ปีหน้า" ซักเคอร์เบิร์ก ระบุในอีเมล

การเลย์ออฟครั้งนี้ มีขึ้นท่ามกลางผลประกอบการบริษัทที่แย่ลงต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 บริษัทมีรายได้ลดลง 46% (yoy) อยู่ที่ 5,660 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายพุ่งขึ้นถึง 19%

ก่อนหน้านี้ วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) รายงานว่า Meta ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook อาจจะประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท ภายในสัปดาห์นี้ โดยอาจเลย์ออฟมากถึง "หลายพันตำแหน่ง" จากจำนวนพนักงานทั้งหมดกว่า 87,000 คนทั่วโลก

รายงานระบุว่า การเลย์ออฟที่คาดว่าจะมีการประกาศในวันพุธที่ 9 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น คาดว่าจะเป็นการเลย์ออฟครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัทเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในปี 2022 นี้ แซงหน้าการเลย์ออฟครั้งใหญ่ของ "ทวิตเตอร์" ที่หั่นพนักงานลงถึงครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 3,700 คน ไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

artboard1copy3_13_2

ทั้งนี้ ในช่วง 2 ปีแรกที่เกิดวิกฤตโรคโควิด-19 ระบาด การใช้โซเชียลมีเดียเติบโตขึ้นมาก ทำให้ Meta ต้องขยายทีมโดยรับพนักงานทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึงกว่า 27,000 คน ในปี 2020 และ 2021 และบริษัทยังขยายการจ้างงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 15,344 คน ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2022 นี้

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในระยะหลังของ Meta กลับไม่สู้ดีนัก ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทรายงานผลประกอบการกับตัวเลขรายได้ที่ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดยให้เหตุผลว่าเผชิญการแข่งขันอย่างรุนแรงจากคู่แข่งอย่าง Tiktok และการที่บริษัท Apple ออกฟีเจอร์ป้องกันไม่ให้แอปเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้

ที่สำคัญ การลงทุนในกลุ่มธุรกิจเมตาเวิร์ส (Metaverse) ยังถือเป็นตัวฉุดรายได้หลักของบริษัทอีกด้วย โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2021 เป็นต้นมา Meta ทุ่มงบไปกับเมตาเวิร์สแล้วถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 5.7 แสนล้านบาท) แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ และคาดว่าว่าเมตาเวิร์สจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่ขาดทุนต่อเนื่องอีกปี ในปี 2023 ด้วย

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้มูลค่าหุ้นของ Meta ร่วงลงไปแล้วถึง 75% ในปีนี้ จนลงไปแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2016 เป็นต้นมา และกลายเป็นหุ้นที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดในกระดาน S&P 500 ประจำปีนี้

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT