Starbucks เชนร้านกาแฟรายใหญ่ ประกาศว่าบริษัทได้ขายกิจการ Evolution Fresh ซึ่งเป็นธุรกิจผลิตน้ำผลไม้สกัดเย็นให้กับ Bolthouse Farms ผู้ผลิตน้ำผลไม้และสินค้าเกี่ยวกับอาหาร โดยไม่เปิดเผยมูลค่า และบริษัทจะเน้นโฟกัสในธุรกิจหลักนั่นก็คือธุรกิจร้านกาแฟ
การขายกิจการของ Evolution Fresh ถือเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจของเชนร้านกาแฟอีกครั้ง หลังจากที่ โฮเวิร์ด ชูลท์ซ (Howard Schultz) ได้กลับเข้ามารับตำแหน่ง CEO ในรอบที่ 3 นับตั้งแต่เขาได้ซื้อกิจการของเชนร้านกาแฟนี้ตั้งแต่ปี 1987
หัวเรือใหญ่ของ Starbucks กล่าวในเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปมากขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งปกติลูกค้าของร้านมักจะมาทานกาแฟภายในร้าน จนทำให้ร้านกาแฟรายนี้เปรียบเหมือนกับบ้านหลังที่ 3 (Third Place) แต่ปัจจุบันลูกค้ามักจะนำกาแฟกลับไปทานที่บ้าน
ขณะเดียวกันบริษัทก็ยังต้องกลับมาแก้ปัญหาภายในบริษัทที่เกิดขึ้นจากปัญหาในช่วงที่ผ่านมา นั่นก็คือกลุ่มพนักงานได้ตั้งสหภาพแรงงานในหลายสาขา เนื่องจากไม่พอใจในสภาวะการทำงานของบริษัท
ขณะเดียวกันปัญหาของเงินเฟ้อ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน หรือแม้แต่การบุกยูเครนของรัสเซียก็ส่งผลทำให้แผนการขยานธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ หยุดชะงักลง รวมถึงปัญหาของเงินเฟ้อที่ทำให้ต้นทุนบริษัทพุ่งสูง ยิ่งทำให้บริษัทต้องกลับมาโฟกัสธุรกิจร้านกาแฟมากขึ้น
เชนร้านกาแฟรายนี้ได้ซื้อกิจการ Evolution Fresh ในปี 2011 ด้วยมูลค่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัทมองว่าการซื้อธุรกิจผู้ผลิตน้ำผลไม้รายดังกล่าวจะทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายใหม่ๆ ที่เน้นเรื่องสุขภาพมากขึ้น ซึ่งบริษัทได้นำน้ำผลไม้มาวางขายที่ร้านกาแฟ Starbucks รวมถึงมีการเปิดร้านขายน้ำผลไม้ก่อนที่จะปิดตัวไปในปี 2017
อย่างไรก็ดีบริษัทได้กล่าวว่า ผลกระทบจากการขาย Evolution Fresh นั้นไม่กระทบกับงบการเงินของ Starbucks แบบมีนัยสำคัญแต่อย่างใด