PfizerชนะNovo Nordisk ทุ่ม3.2แสนล้านคว้าMetsera ปั้นยาลดน้ำหนักแข่ง
ไฟเซอร์ อิงค์ (Pfizer Inc.) ประกาศเข้าซื้อกิจการบริษัท เมตเซรา อิงค์ (Metsera Inc.) ด้วยมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.2 แสนล้านบาท หลังจากการประมูลแข่งขันอย่างเข้มข้นและยืดเยื้อกับ โนโว นอร์ดิสค์ เอ/เอส (Novo Nordisk A/S) เพื่อช่วงชิงสิทธิ์การครอบครองเทคโนโลยีการพัฒนายาลดน้ำหนักรุ่นใหม่ ซึ่งกำลังกลายเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมเภสัชกรรมระดับโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ไฟเซอร์จะจ่ายเงินสดเบื้องต้นที่ 65.60 ดอลลาร์ต่อหุ้น และอาจมีการจ่ายเพิ่มเติมสูงสุดอีก 20.65 ดอลลาร์ต่อหุ้น หากเมตเซราสามารถบรรลุเป้าหมายด้านการวิจัยและพัฒนาในอนาคต รวมเป็นมูลค่ารวมสูงสุด 86.25 ดอลลาร์ต่อหุ้น การประเมินนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อศักยภาพเชิงพาณิชย์ของตลาดยาลดน้ำหนักและยารักษาโรคอ้วน ที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะมีมูลค่ารวมทะลุ 100,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2573
ด้าน โนโว นอร์ดิสค์ ออกแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ ระบุว่า หลังจาก “พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว” บริษัทจะไม่ปรับเพิ่มข้อเสนอในการเข้าซื้อกิจการเมตเซรา พร้อมยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าสำรวจโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตระยะยาวขององค์กร ทั้งในด้านนวัตกรรมและการจัดสรรเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
ศึกแย่งชิง “ดาวรุ่งยาลดน้ำหนัก” ระหว่างสองยักษ์ใหญ่
เมตเซรา อิงค์ (Metsera Inc.) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2565 เป็นสตาร์ตอัปสายเทคโนโลยีชีวภาพที่มุ่งพัฒนายารุ่นใหม่เพื่อรักษาโรคอ้วนและควบคุมน้ำหนัก โดยมีตัวยาในขั้นทดลองทางคลินิกจำนวน 3 รายการ ครอบคลุมช่วงพัฒนาเริ่มต้นถึงระดับกลาง จุดเด่นของตัวยาเหล่านี้คืออาจมีผลข้างเคียงน้อยกว่าและออกฤทธิ์ได้นานกว่ายาลดน้ำหนักรุ่นปัจจุบัน เช่น Wegovy ของโนโว นอร์ดิสค์ ซึ่งครองตลาดอยู่ในขณะนี้
ศึกครั้งนี้เริ่มปะทุขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา เมื่อไฟเซอร์ (Pfizer) บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเพื่อเข้าซื้อเมตเซราในราคา 70 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่ไม่นานหลังจากนั้น โนโว นอร์ดิสค์ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการด้วยการยื่นข้อเสนอที่สูงกว่าอย่างไม่คาดคิด จุดชนวนให้เกิดศึกประมูลตอบโต้ระหว่างสองยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมยา
สำหรับไฟเซอร์ ดีลนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการกลับเข้าสู่สนามการพัฒนายาลดน้ำหนัก หลังจากความพยายามก่อนหน้านี้ในการพัฒนา “ยาลดน้ำหนักชนิดเม็ด” ต้องสะดุดจากผลการทดลองที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย บริษัทจึงมองว่าเทคโนโลยีและองค์ความรู้ของเมตเซราอาจเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นรายได้และเสริมพอร์ตผลิตภัณฑ์ทดแทนรายได้จากวัคซีนและยารักษาโควิด-19 ที่ลดลงต่อเนื่องในช่วงหลัง
ขณะเดียวกัน โนโว นอร์ดิสค์ ซึ่งปัจจุบันครองตำแหน่งผู้นำตลาดยาลดน้ำหนักทั่วโลก ก็เผชิญแรงกดดันจากคู่แข่งอย่างอีไล ลิลลี่ แอนด์ โค. (Eli Lilly & Co.) ที่กำลังรุกตลาดอย่างแข็งแกร่งด้วยผลิตภัณฑ์ Zepbound และ Mounjaro ซึ่งได้รับการตอบรับดีเยี่ยม
ดังนั้น การพลาดดีลเมตเซราในครั้งนี้อาจทำให้โนโว นอร์ดิสค์ สูญเสียโอกาสในการต่อยอดไปสู่ยารุ่นใหม่ที่ออกฤทธิ์ได้นานขึ้นและลดอาการคลื่นไส้ ซึ่งกำลังกลายเป็นเป้าหมายหลักของอุตสาหกรรมยาลดน้ำหนักทั่วโลกในระยะถัดไป
กำแพงกฎหมายของสหรัฐฯ ชี้ชะตาผู้ชนะ
จุดพลิกผันสำคัญของศึกแย่งชิงเมตเซราเกิดขึ้นจากปัจจัยด้านกฎระเบียบของรัฐบาลสหรัฐฯ เอง เมื่อเมตเซราเปิดเผยว่า ข้อเสนอจากโนโว นอร์ดิสค์ (Novo Nordisk) อาจก่อให้เกิด “ความเสี่ยงทางกฎหมายและกฎระเบียบที่ไม่สามารถยอมรับได้” เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมาธิการการค้าของสหรัฐฯ (Federal Trade Commission: FTC) ได้แสดงความกังวลว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้อาจละเมิดกฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า
รายงานระบุว่า ในขั้นตอนการตรวจสอบก่อนการควบรวมกิจการ FTC ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าข้อเสนอของโนโว นอร์ดิสค์ “อาจเข้าข่ายละเมิดกระบวนการทางกฎหมาย” ภายใต้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับฝ่ายโนโวอย่างมีนัยสำคัญ ในทางกลับกัน ไฟเซอร์ (Pfizer) ได้รับการอนุมัติล่วงหน้าจากหน่วยงานกำกับดูแลให้เดินหน้าดีลได้โดยไม่มีอุปสรรคทางกฎหมาย ทำให้ข้อเสนอของไฟเซอร์มีความมั่นคงและมีโอกาสปิดดีลได้จริงมากกว่า
คณะกรรมการของเมตเซราจึงมีมติเลือกข้อเสนอจากไฟเซอร์ โดยระบุว่าเป็น “ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ถือหุ้น” ทั้งในด้านมูลค่าที่ได้รับและความแน่นอนของกระบวนการควบรวมกิจการ พร้อมคาดว่าดีลจะเสร็จสมบูรณ์ภายหลังการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้
ด้านไฟเซอร์ออกแถลงการณ์ยืนยันความยินดีในการบรรลุข้อตกลง โดยระบุว่า “เราภูมิใจที่ได้บรรลุข้อตกลงซึ่งสร้างมูลค่าที่ชัดเจนและทันทีให้กับผู้ถือหุ้นของเมตเซรา” พร้อมเน้นว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้พอร์ตโฟลิโอยาด้านเมตาบอลิซึม และต่อยอดขีดความสามารถด้านนวัตกรรมทางชีวเวชภัณฑ์ของไฟเซอร์ในระยะยาว
ศาลเดลาแวร์ การต่อสู้ทางกฎหมาย และแรงสะเทือนในตลาดทุน
ก่อนที่ดีลจะปิดลงอย่างเป็นทางการ ไฟเซอร์เคยยื่นฟ้องต่อศาล Delaware Chancery Court โดยอ้างว่าข้อเสนอของโนโว นอร์ดิสค์ ละเมิดเงื่อนไขข้อตกลงเดิมและไม่ถือเป็น “ข้อเสนอที่เหนือกว่า” ตามกฎหมายว่าด้วยการควบรวมกิจการ ทว่า ศาลได้ปฏิเสธคำร้องชั่วคราวนั้นในเวลาต่อมา ขณะเดียวกัน ไฟเซอร์ยังเดินหน้าฟ้องโนโวในศาลรัฐบาลกลางรัฐเดลาแวร์ในข้อหาผูกขาดทางการค้า ซึ่งเมตเซราออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันทีว่าเป็น “ข้อกล่าวหาที่ไร้สาระและไม่เป็นจริง”
แม้ไฟเซอร์จะไม่ประสบผลสำเร็จในชั้นศาลช่วงแรก แต่สถานการณ์กลับพลิกอย่างสิ้นเชิงเมื่อสำนักงานคณะกรรมาธิการการค้าของสหรัฐฯ (FTC) เข้ามามีบทบาทโดยตรงในการตรวจสอบข้อเสนอของโนโว นอร์ดิสค์ ทำให้บริษัทเดนมาร์กต้องถอนตัวออกจากการแข่งขันโดยปริยาย และเปิดทางให้ไฟเซอร์เดินหน้าปิดดีลได้โดยไร้อุปสรรค
ด้านตลาดหุ้นตอบรับดีลนี้อย่างร้อนแรง หุ้นของเมตเซราพุ่งขึ้นมากกว่า 150% จากช่วงก่อนการประกาศขายให้ไฟเซอร์ ราคาปิดเมื่อวันศุกร์อยู่ที่ 83.18 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2% คิดเป็นมูลค่าตลาดราว 8.75 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ดีลไฟเซอร์รอบสุดท้ายเสนอราคาสูงถึง 86.25 ดอลลาร์ต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 159% จากราคาปิด 33.32 ดอลลาร์ก่อนมีข่าวในวันที่ 22 กันยายน
สำหรับไฟเซอร์ ดีลนี้นับเป็นการชนะศึกเชิงกลยุทธ์ครั้งใหญ่ที่สุดในปี 2568 และเป็นการปูทางสู่ “ยุคใหม่ของยาลดน้ำหนัก” ที่อาจกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมยาทั่วโลกในทศวรรษหน้า
ที่มา: Bloomberg
