Nvidiaชี้สหรัฐฯล้มเหลวในการคุมส่งออกชิปไปจีน เพราะยิ่งเร่งจีนพัฒนาเร็ว
เจนเซน หวง ซีอีโอ Nvidia ชี้มาตรการควบคุมการส่งออกชิป AI ไปจีนของสหรัฐฯ ล้มเหลว เพราะยิ่งกระตุ้นจีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เจนเซน หวง (Jensen Huang) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nvidia ระบุว่า มาตรการควบคุมการส่งออกชิป AI ของรัฐบาลสหรัฐฯ ไปยังจีนไม่เพียงล้มเหลวในการสกัดกั้นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีน แต่ยังกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้จีนพัฒนาโซลูชันของตัวเองและขยายส่วนแบ่งตลาดในประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่กรุงไทเปเมื่อวันพุธ หวงเปิดเผยว่า Nvidia สูญเสียส่วนแบ่งตลาดในจีนอย่างมากในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากการเริ่มต้นดำเนินนโยบายควบคุมการส่งออกของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน
“เมื่อสี่ปีก่อน Nvidia ครองส่วนแบ่งตลาดชิป AI ในจีนเกือบ 95% แต่วันนี้เหลือเพียง 50% ส่วนที่เหลือเป็นเทคโนโลยีของจีนเอง” หวงกล่าว พร้อมระบุว่า บริษัทจำเป็นต้องขายชิปรุ่นจำกัดสเปกให้แก่ตลาดจีน ซึ่งทำให้ราคาขายเฉลี่ยลดลงและรายได้หดตัวอย่างมีนัยสำคัญ
หวงกล่าวว่า แม้สหรัฐฯ จะบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกชิปไปยังจีน แต่จีนยังคงเป็นแหล่งนักวิจัย AI ถึงครึ่งหนึ่งของโลก และยังคงเดินหน้าวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง “ถ้าพวกเขาไม่ได้ใช้ชิปของ Nvidia พวกเขาก็จะใช้ตัวเลือกอันดับสอง” เขากล่าว
หวงยังชี้ว่าบริษัทเทคโนโลยีในจีนมีศักยภาพสูง และมาตรการควบคุมดังกล่าวกลับจุดประกายให้เกิดแรงขับเคลื่อนและการสนับสนุนจากภาครัฐในการเร่งพัฒนาเทคโนโลยี “ผมคิดว่าการควบคุมการส่งออกนี้เป็นความล้มเหลว” เขากล่าว
เขายังยกย่องความสามารถของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ชาวจีนว่า “มีฝีมืออย่างเหลือเชื่อ” และสามารถแข่งขันกับนักพัฒนาจากทุกประเทศทั่วโลกได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ พร้อมระบุว่า “หัวเว่ยเป็นบริษัทที่มีเทคโนโลยีน่าเกรงขาม และกำลังเร่งนวัตกรรมอย่างรวดเร็ว” หวงยังแสดงความหวังว่าสหรัฐฯ จะทบทวนการสั่งห้ามขายชิป H20 และเปิดโอกาสให้ Nvidia กลับไปทำตลาดในจีนอีกครั้ง
มาตรการควบคุมส่งออกชิป ทำ Nvidia สูญมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
มาตรการควบคุมล่าสุดของสหรัฐฯ ซึ่งห้ามการส่งออกชิป H20 ไปจีน ส่งผลให้ Nvidia ต้องตัดมูลค่าสินค้าคงคลังออกถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2025 เทียบเท่ารายได้ทั้งปีของบริษัทผลิตชิปรายเล็กหลายแห่ง โดย H20 เป็นชิปที่ลดประสิทธิภาพลงจากรุ่น H800 เพื่อให้สามารถขายได้ภายใต้ข้อจำกัดของรัฐบาล
หวงย้ำว่าสหรัฐฯ ควรส่งเสริมการขายชิปและโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีให้กับประเทศต่าง ๆ แทนที่จะจำกัด พร้อมสนับสนุนการตัดสินใจของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยกเลิกนโยบายจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังประเทศในตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังมีความต้องการ AI สูง
เขายังกล่าวว่าตลาดคอมพิวติ้งของจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับสองของโลก คาดว่าจะมีมูลค่าถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีหน้า และถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญสำหรับ Nvidia
“โมเดล DeepSeek และ Qwen ของ Alibaba มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม... และทั้งหมดพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีของ Nvidia” หวงกล่าว พร้อมย้ำว่า “มันน่าเสียดายหากเราไม่สามารถคว้าโอกาสนั้นกลับมา เพื่อสร้างรายได้ภาษีให้สหรัฐฯ สร้างงาน และรักษาอุตสาหกรรมไว้ได้”
แม้จะปฏิบัติตามข้อกำหนดของสหรัฐฯ อย่างเคร่งครัด แต่ Nvidia ยังคงพยายามตอบสนองตลาดจีนที่เขามองว่า “มีความซับซ้อนสูง”
์Nvidia ยอมรับยังกลับมาผลิตชิปทั้งหมดในสหรัฐฯ ไม่ได้
ในด้านการผลิต หวงยอมรับว่าไม่สามารถย้ายกระบวนการผลิตทั้งหมดกลับมายังสหรัฐฯ ได้ และก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นทั้งหมด แต่เน้นว่าควรเพิ่มการผลิตภายในประเทศเท่าที่จำเป็นเพื่อความมั่นคง พร้อมสร้างความยืดหยุ่นและระบบสำรองในระดับโลก
“เป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตทุกอย่างในประเทศ และก็ไม่จำเป็น แต่เราควรทำให้มากที่สุดเพื่อความมั่นคง และสร้างสมดุลการผลิตทั่วโลก” เขากล่าว พร้อมชี้ว่าเวลานี้เป็น “จังหวะที่เหมาะสม” สำหรับการปรับสมดุลใหม่เพื่อรองรับการนำ AI เข้าไปในโรงงานอัจฉริยะทั่วโลก
Nvidia เปิดเผยแผนลงทุนสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ภายใน 4 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างเซิร์ฟเวอร์ AI ในสหรัฐฯ โดยมีพันธมิตรอย่าง Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. (TSMC) ที่ลงทุนอีก 1.65 แสนล้านดอลลาร์ในรัฐแอริโซนา และผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์รายใหญ่ของ Nvidia อย่าง Foxconn และ Quanta ต่างก็เพิ่มกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ด้วย
แม้ต้องเผชิญกับข้อจำกัดทางการค้า Nvidia ยังคงครองความเป็นผู้นำในตลาดชิป AI โดย Morgan Stanley คาดว่าในปี 2025 บริษัทจะครองส่วนแบ่งการใช้เวเฟอร์ระดับสูงถึง 66% ตามด้วย Google ที่ 22% และ AWS ที่ 6%
นอกจากนี้ Nvidia ยังเป็นผู้บริโภคชิปหน่วยความจำแบบแบนด์วิธสูง (HBM) รายใหญ่ที่สุดของโลก คิดเป็น 74% ของความต้องการทั่วโลกในปีนี้
