LTS ยัน “ทรัมป์” คุมส่งออกชิป AI ไม่กระทบแผน ชี้ Siam AI พันธมิตรหลักถือสิทธิ์ NCP รายเดียวในไทย มั่นใจรายได้แตะ 1,000 ล้าน กำไรปี 68 โต 30%
บริษัท ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LTS ออกมายืนยันชัดเจนว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่ สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนจะออกมาตรการจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังบางประเทศในเอเชีย เช่น มาเลเซียและไทย โดยมาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ชิปดังกล่าวถูกส่งต่อไปยังจีน
นายภัฏ ตรัสโฆษิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LTS ย้ำว่า บริษัทไม่มีความเสี่ยงและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเข้าชิปเพื่อส่งต่อไปยังจีนอย่างเด็ดขาด ปัจจุบัน LTS ให้บริการออกแบบและติดตั้งระบบ AI Infrastructure และ Commissioning ให้กับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในประเทศไทยเป็นหลัก
LTS ดำเนินธุรกิจร่วมกับ บริษัท สยาม เอไอ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (Siam AI) พันธมิตรหลักที่เป็นผู้ให้บริการคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐาน AI ประสิทธิภาพสูงในไทย โดย Siam AI เป็น NVIDIA Cloud Partner (NCP) รายเดียวในประเทศ ที่มีสิทธิ์นำเข้าชิป NVIDIA โดยตรงจากสหรัฐฯ
“ Siam AI พันธมิตรหลักของ LTS เป็นบริษัทเดียวในไทยที่ได้รับใบรับรองมาตรฐานอย่างเป็นทางการจาก NVIDIA ว่าเป็น NCP ได้รับใบอนุญาตในการสั่งสินค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของประธานาธิบดีทรัมป์ เพราะบริษัทฯ รับงานจาก Siam AI นำเข้าเพื่อให้บริการ ไม่ได้นำเข้าเพื่อมาจำหน่ายและไม่มีการขายต่อไปจีนอยู่แล้ว” นายภัฏระบุ
นายภัฏเสริมว่า แม้มาตรการของสหรัฐฯ ในอนาคตอาจทำให้กระบวนการนำเข้าชิปเข้มงวดขึ้น แต่มาตรการดังกล่าวจะไม่มีผลต่อการใช้งานในประเทศไทย ดังนั้น LTS ยังสามารถให้บริการระบบ AI และ Data Center ได้ตามปกติ
ในระยะสั้น บริษัทมองว่า สถานการณ์นี้อาจเป็นโอกาสทางธุรกิจ เพราะลูกค้าบางรายอาจเร่งตัดสินใจนำเข้าชิปล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยง ทำให้โครงการติดตั้งมีแนวโน้มดำเนินงานเร็วขึ้น
“ธุรกิจของ LTS ไม่ได้พึ่งพาลูกค้าจากจีน เรามุ่งเน้นรองรับความต้องการของทางลูกค้าในประเทศไทย ที่มีความต้องการบริการติดตั้ง commissioning และอัพเดทอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Data Center และ LTS ประเมินความต้องการใช้งานในไทยยังคงสูง” นายภัฏกล่าว
เขายังย้ำว่า Siam AI เป็นบริษัทเดียวในไทยที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจาก NVIDIA ว่าเป็น NVIDIA Cloud Partner (NCP) และได้รับสิทธิ์นำเข้าสินค้าโดยตรงอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งชิปที่นำเข้ามาจะถูกใช้ในโครงการให้บริการเท่านั้น ไม่มีการนำเข้ามาจำหน่ายหรือขายต่อไปยังประเทศจีน
นายภัฏยังมั่นใจว่า บริษัทจะสามารถทำรายได้ปี 2568 ได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ 1,000 ล้านบาท และคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2568 จะเติบโต ไม่ต่ำกว่า 20-30% จากปี 2567 ที่มีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 80.03 ล้านบาท