
ความตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชา ไม่ได้เป็นแค่เหตุปะทะตามแนวชายแดนอีกต่อไป แต่กำลังขยายตัวเป็น "สงครามทางการทูต" ที่ส่งแรงสะเทือนไปทั่วโลก
สถานการณ์ได้พัฒนาไปสู่สงครามข้อมูลข่าวสาร และเวทีสร้างความชอบธรรมระหว่างสองประเทศ ซึ่งทุกถ้อยแถลงของผู้นำ ล้วนมีผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของไทยบนเวทีนานาชาติ
“กัมพูชา” โต้ไทยเป็นฝ่ายยิงก่อน
กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกแถลงการณ์ปฏิเสธรายงานของกองทัพไทยที่กล่าวหาว่ากัมพูชาเคลื่อนย้ายอาวุธหนักตามแนวชายแดน ยืนยันว่าไม่ได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมโต้ว่าเหตุปะทะเมื่อบ่ายวันที่ 7 ธันวาคม เป็นฝ่ายทหารไทยที่เปิดฉากยิงใส่กำลังของกัมพูชาในพื้นที่ปรอเลียน ธมอร์
และย้ำว่ากัมพูชาไม่ได้ยิงโต้ตอบตามที่ไทยระบุ โดยเรียกข้อมูลจากไทยว่าเป็น “ข่าวเท็จ” ที่ทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดและใช้เป็นข้ออ้างเพื่อยกระดับความตึงเครียดทางทหาร
ภาพไทยบนสื่อต่างประเทศ
สื่อระดับโลก เช่น CNN และ Al Jazeera รายงานว่าฝั่งกัมพูชากล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่าย เปิดฉากก่อน และไทยมีพฤติกรรมยั่วยุต่อเนื่องหลายวัน
ภาพลักษณ์ไทย ในสายตาสื่อต่างประเทศ
สื่อระดับโลก เช่น CNN และ Al Jazeera รายงานว่า ฝั่งกัมพูชากล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่าย เปิดฉากก่อน และไทยมีพฤติกรรมยั่วยุต่อเนื่องหลายวัน เช่นเดียวกับ Nikkei Asia ยังนำเสนอข้อมูลของกัมพูชาที่กล่าวว่า “ไทยลงมือก่อน” และชี้ว่า รูปแบบการปะทะครั้งนี้สะท้อนความรุนแรงที่สุดตั้งแต่ลงนามปฏิญญาสันติภาพ
CNN ชี้ ความล้มเหลวของข้อตกลง "ทรัมป์"
CNN รายงานว่าไทยเปิดฉากโจมตีทางอากาศใส่กัมพูชา พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเหตุนี้อาจสะท้อนความล้มเหลวของ "ถ้อยแถลงร่วมสู่สันติภาพ" ไทย–กัมพูชา ซึ่งลงนามไปเมื่อเดือนตุลาคม 2025 โดยมีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นสักขีพยาน
CNN เสนอทั้งมุมมองฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา โดยกัมพูชาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และโจมตีไทยว่าให้ข้อมูลเท็จ และสรุปว่าทั้งสองฝ่ายยังคงกล่าวหากันว่าเป็นผู้เริ่มโจมตี
Al Jazeera ห่วงผลกระทบต่อพลเรือน
Al Jazeera นำเสนอว่าไทย ใช้ปฏิบัติการทางอากาศตอบโต้กัมพูชาหลังเกิดการยิงข้ามแดน และรายงานด้วยว่า กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหา และอ้างว่าไทยเป็นฝ่ายยั่วยุเปิดฉากก่อน
นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นผลกระทบต่อพลเรือน โดยระบุว่าคนไทยกว่า 35,000 คนต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง และชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่งต้องหนีภัยเช่นกัน
Nikkei Asia ระบุ เหตุรุนแรงที่สุดในปี 2025
Nikkei Asia รายงานตามข้อมูลกองทัพไทยว่า ได้โจมตีทางอากาศเพื่อตอบโต้ หลังทหารไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย ก่อนนำเสนอคำโต้แย้งจากกัมพูชาที่กล่าวว่า "ไทยลงมือก่อน"
และอ้างว่าฝ่ายไทยยั่วยุต่อเนื่องหลายวัน สื่อนี้ยังชี้ว่าเหตุปะทะครั้งนี้ถือเป็นความรุนแรงที่สุดตั้งแต่มีการลงนามถ้อยแถลงสันติภาพระหว่างไทย–กัมพูชาในปีเดียวกันนี้
“ไทย" ตอบโต้บนเวทีโลก ย้ำว่ากัมพูชายิงก่อน
หลังเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศได้ยกระดับการตอบสนองทันที โดยส่งหนังสือประท้วงไปยังกัมพูชาจำนวน 2 ฉบับ ย้ำให้หยุดการละเมิดอธิปไตย การโจมตีพื้นที่พลเรือน และให้กัมพูชารับผิดชอบต่อความเสียหาย พร้อมเรียกร้องให้ยุติพฤติกรรมยั่วยุทุกประเภท
เมื่อ 8 ธันวาคม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญคณะทูตและผู้แทนองค์การระหว่างประเทศประจำไทยเข้ารับฟังบรรยายสรุป เพื่อชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงจากฝ่ายไทยโดยตรง
ไทยแจ้ง UNSG–UNSC หลังประชาชนกว่า 4 แสนคนต้องอพยพ
ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติได้ส่งหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ (UNSG) และประธานคณะมนตรีความมั่นคง (UNSC) แจ้งเหตุการละเมิดอธิปไตยไทยอย่างร้ายแรงจากการโจมตีแบบไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ซึ่งส่งผลให้ประชาชนกว่า 400,000 คนต้องอพยพฉุกเฉิน
ไทยชี้แจงถึงความจำเป็นของการตอบโต้เพื่อการป้องกันตนเอง พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลกกดดันกัมพูชาให้ยุติการเป็นปรปักษ์และยึดหลักสันติวิธี
ไทยเดินหน้าเอาผิดเรื่องทุ่นระเบิดใหม่
ไทยใช้เวทีประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา "ห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล" ที่นครเจนีวา เพื่อนำเสนอหลักฐานว่ากัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ในเขตแดนไทย เป็นเหตุให้ทหารไทยบาดเจ็บสูญเสียอวัยวะหลายราย
ไทยยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอนุสัญญาโดยตรง จึงร้องขอคำชี้แจงอย่างเป็นทางการผ่านเลขาธิการ UN แต่คำตอบของกัมพูชากลับ "ไม่สมเหตุสมผล" และยังปฏิเสธการเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมในกรอบทวิภาคีมาโดยตลอด
สถานทูตไทยทั่วโลกเดินเกมรุก
สถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยในหลายประเทศรายงานสถานการณ์ต่อรัฐบาลเจ้าบ้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันข้อมูลบิดเบือนจากฝั่งกัมพูชา
ขณะเดียวกัน นายสีหศักดิ์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ยังให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศรายใหญ่ เช่น CNN, BBC, Al Jazeera, Reuters และ The New York Times เพื่อยืนยันจุดยืนของไทย พร้อมชี้แจงว่าข่าวที่อ้างว่าไทยตอบรับการหยุดยิงจากมาเลเซีย "ไม่เป็นความจริง"
"อนุทิน" ลั่นไม่เจรจา หากกัมพูชาไม่ทำตามไทย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ยืนยันไทยรักษาอธิปไตยของตน และกองทัพมีแผนดำเนินการชัดเจน ส่วนที่สื่อต่างชาตินำเสนอว่าไทยเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน นายกรัฐมนตรีย้ำว่า "ไทยได้พิสูจน์ในทุกเวทีว่า เป็นฝ่ายถูกคุกคามและยั่วยุ พร้อมแสดงหลักฐานต่อนานาชาติ" และยืนยันว่า คงไม่ให้เจรจาด้วยแล้ว และไม่จำเป็นต้องแจ้งใคร เพราะเป็นเรื่องระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยตรง
เสธ.ทบ. ย้ำไทยต้องกดดันต่อเนื่อง
ขณะที่พลเอก ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก ระบุหลังสถานการณ์ปะทะยืดเยื้อเข้าสู่วันที่สองว่า “เป้าหมายคือกองทัพบกจะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานของเรา”
"กูเตอร์เรส" แสดงความกังวลการปะทะ
"อันโตนิโอ กูเตอร์เรส" เลขาธิการ UN แสดงความกังวลต่อการปะทะครั้งใหม่ พร้อมเรียกร้องให้ทั้งไทย–กัมพูชา ใช้ความอดกลั้น และหลีกเลี่ยงความรุนแรงที่อาจเพิ่มขึ้น
สหประชาชาติยังขอให้ทั้งสองฝ่ายกลับไปยึดถ้อยแถลงร่วมที่ลงนามสันติภาพในกัวลาลัมเปอร์เมื่อ 26 ตุลาคม ซึ่งมีมาตรการลดความรุนแรงและกลไกเจรจาเพื่อหาทางออกอย่างสันติ
ทรัมป์เตรียมโทรหาผู้นำไทย–กัมพูชา
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ระบุเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ว่า “เขากำลังวางแผนจะโทรศัพท์พูดคุยกับผู้นำไทยและกัมพูชาในวันพฤหัสบดีนี้”
เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งตามแนวชายแดนที่ยังยืดเยื้อ แม้ทั้งสองฝ่ายจะเพิ่งบรรลุข้อตกลงหยุดยิงไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ผู้สังเกตการณ์อาเซียนลงพื้นที่ตรวจสอบ
ขณะที่คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT-TH) ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธา นีเพื่อประเมินสถานการณ์ เยี่ยมผู้บาดเจ็บ และรับฟังข้อมูลจากโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ไทยยืนยันว่ าพร้อมเปิดพื้นที่ให้ตรวจสอบทุกขั้นตอน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อภูมิภาค
ไทยเดินเกมการทูตครบทุกมิติ
แม้สถานการณ์ในพื้นที่ยังร้อนแรง แต่ในระดับการทูต ไทยกำลังเดินเกมอย่างเป็นระบบ ทั้งการชี้แจงต่อเวทีโลก การเปิดพื้นที่ให้ตรวจสอบ และการใช้กลไกตามกฎหมายระหว่างประเทศ
เพื่อยืนยันว่า “ไทยจะไม่ยอมจำนนต่อการละเมิดใดๆ” และพร้อมปกป้องอธิปไตยด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริง และความโปร่งใสสูงสุด
Advertisement