
ที่หมู่ 8 ต.ท่าแพ อ.ท่าแพ จ.สตูล มีชาวบ้านประมาณ 20 คน ต่างรวมตัวกันร้องสื่อ โดยอ้างว่าผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านปฏิเสธเซ็นหนังสือรับรองรับเงินเยียวยาช่วยเหลือน้ำท่วม 9,000 บาท พร้อมทั้งพาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบร่องรอยของน้ำท่วมและความเสียหาย
โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นชุมชนห่างจากคลองบาราเกตไม่มากนัก จากการตรวจสอบพบร่องรอยของน้ำท่วม บางจุดก็ไหลเข้าบ้าน แต่ระดับไม่สูงมากนัก บางจุดก็ไหลผ่านใต้ถุนบ้าน เนื่องจากบ้านหลายหลังในพื้นที่เป็นบ้านยกพื้นสูง
นายมะบู ทิ้งน้ำรอบ ชาวบ้านกล่าวว่าบ้านของตนเป็นบ้านยกพื้นน้ำไหลท่วมบริเวณใต้ถุนบ้าน สิ่งของที่ได้รับความเสียหาย คือเครื่องหนีบอ้อยที่ใช้ทำมาหากินโดนน้ำท่วมเสียหาย เนื่องจากขนย้ายไม่ทัน น้ำท่วมขังอยู่หลายวัน ไม่สามารถไปทำมาหากินได้
ต่อมาตนเองได้ยื่นหนังสือเพื่อให้ผู้ใหญ่บ้านรับรอง แต่ผู้ใหญ่บ้านติดภารกิจ จึงได้ไปยื่นกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แต่กลับโดนปฏิเสธเสธ โดยอ้างว่าน้ำไม่ท่วมบ้านไม่เข้าเกณฑ์ขอรับเงินเยียวยา จึงอยากร้องสื่อช่วยประสานเพราะชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน โดยในพื้นที่ซอยดังกล่าวมีผู้เสียหายประมาณ 20 ครัวเรียนที่ยังไม่ได้ยืยยันรับสิทธิ์
ด้านนางสาวนุงนุช บัวเพชร ชาวบ้านอีกราย กล่าวว่าบ้านตนเองเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้น้ำไหลท่วมครัว ซึ่งเป็นชั้นล้างและแช่อยู่ประมาณ 5 วัน โดยไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลยหรือดำรงชีวิตอยู่ในความลำบากทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักเช่นกัน
ต่อมานายศุภฤกษ์ กุญชรศิริมงคล ปลัด อ.ท่าแพ ได้เดินทางลงพื้นที่โดยศาลาประชาคมของหมู่บ้าน และเชิญตัวแทนชาวบ้าน 3 คน พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้านเข้าพูดคุยชี้แจง
จากการได้พูดคุยเบื้องต้นทราบมีผู้มายื่นเรื่องกับผู้ใหญ่บ้านเพียงไม่กี่คน และไม่ได้แจ้งว่ามีทรัพท์สินได้รับความเสียหาย ทางผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจึงแจ้งว่าไม่เข้าเกณฑ์ ชาวบ้านจึงได้ไปพูดบอกต่อกันทำให้เกิดความเข้าใจผิด
โดยนายศุภฤกษ์ ได้ชี้แจงถึงหลักเกณฑ์ของการยื่นพิจารณาเงินเยียวยากับตัวแทนชาวบ้านว่าหลักเกณฑ์การรับเงินเยียวยาของ อ.ท่าแพ อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ข้อที่ 1 คือมีที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่งไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย และเนื่องจากในพื้นที่ อ.ท่าแพ เป็นพื้นที่ๆมีน้ำท่วมแค่บางจุดเท่านั้น จึงจำเป็นต้องยื่นหลักฐาน สำเนาวบัตรประชาชน และสำเนาวทะเบียนบ้าน
นอกจากนี้จำเป็นต้องยื่นภาพถ่ายแสดงความเสียหายเพื่อยืนยัน โดยจะต้องให้ผู้นำท้องถิ่นรับรองแล้วส่งต่อคณะกรรมการตรวจสอบอีกครั้งว่าเข้าเกณฑ์หรือไม่ สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ที่ร้องเรียนให้ทุกคนเตรียมเอกสารไปยื่นที่อบต.ให้เรียบร้อย หลังจากนี้ก็จะมีเจ้าหน้าที่คณะกรรมการตรวจสอบจะลงพื้นตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง โดยทุกอย่างจะเป็นไปตามขั้นตอนและหลักเกณฑ์อย่างชัดเจน ใครจะได้รับเงินหรือไม่ก็ขึ้นอยู่คณะกรรมการตรวจสอบและข้อเท็จจริง ยืนยันว่าทุกคนจะได้รับความเป็นธรรมในการพิจราณา โดยตัวแทนชาวบ้านได้รับฟังและเข้าใจจึงแยกย้ายกันกลับ
Advertisement