ทนายอนันต์ชัย ออกโรง! เตรียมจัดการ พวกเชื่อมจิตทั้งยวง โมโหเอารูปไปใช้ งัด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฟาด ฉะอยู่ดีๆ ไม่ว่าดี อยากมีเรื่อง เดี๋ยวจัดให้
จากกรณีที่ นายอนันต์ชัย ไชยเดช หรือ ทนายอนันต์ชัย ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม โพสต์ข้อความจี้ถามสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีหน้าที่ตรวจสอบ ลัทธิเชื่อมจิต หรือไม่ ไม่อย่างนั้น กองทัพธรรมจะจัดการเอง
จนนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการไปยังผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ลงพื้นที่บ้านพักของครอบครัวเด็กอายุ 8 ขวบ พร้อมกับ กัน จอมพลัง เพื่อตรวจสอบโดยด่วนแล้วว่าการกระทำของเด็กอายุ 8 ขวบ เป็นอย่างไรและมีความเหมาะสมหรือไม่
ล่าสุดวันที่ 24 เม.ย. 67 ทนายอนันต์ชัย โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กอีกครั้ง ภายหลังจากมีการนำรูปของทนายอนันต์ชัยไปใช้เกี่ยวกับการเชื่อมจิต
ระบุว่า “การอ้างว่า #เชื่อมจิต มีบัญญัติไว้ในพระไตรปิฎก เรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ!”
“หากไม่จริง แล้วยังนำเรื่องไม่จริงออกเผยแพร่สู่สาธารณะ ผมจะจัดให้เข็ด ทั้งผู้นำเข้าข้อมูล และแอดมินผู้เผยแพร่ด้วย เพราะการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐”
“มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ”
(๑) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน อันมิใช่การกระทําความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
(๒) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิด ความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(๓) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง แห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(๔) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูล คอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได
(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔)
ถ้าการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง (๑) มิได้กระทําต่อประชาชนแต่เป็นการกระทําต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ผู้กระทํา ผู้เผยแพร่ หรือส่งต่อ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้เป็นความผิดอันยอมความได้
“อยู่ดีๆ ไม่ว่าดี อยากมีเรื่อง เดี๋ยวจัดให้ คอยติดตามชม!”
Advertisement