การซื้อของออนไลน์กลายเป็นกิจวัตรของใครหลายคน เพราะทั้งสะดวก รวดเร็ว และมีสินค้ามากมายให้เลือก แต่ความสะดวกนี้ก็มาพร้อมความเสี่ยง โดยเฉพาะปัญหาที่ผู้ซื้อจำนวนไม่น้อยเจอซ้ำๆ คือ “สั่งแล้วไม่ได้ของ” หรือ “ถูกโกงเงิน” ซึ่งสร้างความเสียหายทั้งด้านการเงินและจิตใจ
หากคุณหรือคนใกล้ตัวตกอยู่ในสถานการณ์นี้อย่าปล่อยผ่านไป สามารถดำเนินการทางกฎหมายเพื่อเอาผิดและเรียกเงินคืนได้ ดังนี้
ต้องทำอย่างไรเมื่อซื้อของออนไลน์แล้วไม่ได้ของ
1.ต้องรวบรวมหลักฐานในการสั่งซื้อสินค้า
• แคปภาพหน้าจอบนหน้าเว็บไซต์ที่เราเข้าไปซื้อสินค้าออนไลน์
• แคปภาพข้อความที่สนทนากับแม่ค้า
• รวบรวมชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ และ เลขบัญชีของร้านค้า ที่พอทราบ
• หลักฐานการโอนเงิน, ใบนำฝากที่เราจ่ายค่าสินค้าไป
• สำเนาบัตรประชาชนของเรา
2.เข้าแจ้งความดำเนินคดี
• นำบัตรประชาชนและหลักฐานทั้งหมดไปที่สถานีตำรวจในพื้นที่
• แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ว่า “ต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” ไม่ใช่เพียงลงบันทึกประจำวัน
• นำเลขบัญชีผู้ขาย ใบแจ้งความ และหลักฐานการโอนไปที่ธนาคารปลายทาง เพื่อขออายัดบัญชีหรือขอคืนเงิน
3.บทลงโทษผู้กระทำผิดกฎหมาย
• ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 : การทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยข้อความที่เป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกและแจ้งให้ทราบ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
• พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 : นำเข้าซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ หลอกลวง ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท
แม้การซื้อของออนไลน์จะสะดวกสบายแต่ก็ไม่ควรประมาท ทุกครั้งก่อนโอนเงินควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้านค้า และเก็บหลักฐานการสั่งซื้อไว้เสมอ หากถูกโกงจริงผู้เสียหายมีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะดำเนินคดีและเรียกร้องความเป็นธรรมได้
ที่มา : ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 มาตรา 341, พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14, กระทรวงยุติธรรม (Ministry of Justice, Thailand)
Advertisement