30 ปี ที่รอคอยชายถูกจับในจีนครอบครัวสงสัยเป็นญาติที่หายไป 30 ปี ก่อนชาวบ้านระดมเงินให้ญาติบินข้ามประเทศไปหา ล่าสุดมีความหวังรอแค่ผลเลือดเท่านั้น
จากกรณีที่ชาย วัย 45 ปี ถูกจับลักลอบเข้าประเทศจีน โดยเจ้าตัวอ้างว่า ชื่อ นายประกอบ อายุ 45 ปี เป็นชาวตำบลนาชุมแสง อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ลอบเข้ประเทศจีนเมื่อปี 2562 และถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับตัวได้ ขณะเดินเร่ร่อนที่เมืองเทียนสุ่ย มณฑลกาซูได้ปีกว่า แต่ชายคนดังกล่าวอ้างเป็นชาวไทย แต่ไม่มีพาสปอร์ตหรือเอกสารใดๆยืนยันทางตำรวจจีน จึงประสานให้น้องฝ้าย หรือ น.ส.สุกัญญา ซึ่งมีครอบครัวอยู่ที่ประเทศจีนมาเป็นล่ามให้ และลงโซเชียลตามหาญาติ
และต่อมามีการตรวจสอบไปยังผู้ใหญ่บ้าน กำนันในพื้นที่ตำบลนาชุมแสง แต่ก็ไม่มีใครรู้จักชายคนดังกล่า วจนต่อมาเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ได้มีชาวบ้านในพื้นที่บ้านดง หมู่ที่ 9 ต.ทุ่งหัวช้าง อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อว่าชายคนดังกล่าวนั้น น่าจะเป็นญาติของตนเองที่ถูกหลอกไปทำงานบนเรือที่ภาคใต้ ตอนนั้นญาติอายุได้เพียง 15 ปี หรือเมื่อปี 2537 ก่อนที่จะหายตัวไปติดต่อไม่ได้เพื่อนๆที่ไปด้วยกันกลับมาหมดแล้วญาติออกตามหาแต่ก็ไม่พบจนเป็นข่าวโด่งดังไปเมื่อเดือน มี.ค.2566 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 เม.ย.67 นายสุรชัย ปุ๊ดบี้ อายุ 35 ปี ผู้ใหญ่บ้านนำลงพื้นที่หมู่บ้านดงหมู่ที่9ต.ทุ่งหัวช้างอ.ทุ่งหัวช้างจ.ลำพูนพบน.ส.เกศนีย์วันดูอายุ31ปีซึ่งเป็นลูกบ้านโดยครอบครัวสงสัยว่าชายคนดังกล่าวที่ถูกจับในจีนจะเป็นนายสมพรสุภาอายุ45ปีน้าชายที่ถูกหลอกไปทำงานที่บนเรือที่ภาคใต้เมื่อ30ปีก่อนซึ่ตอนนั้นผู้สูญหายอายุเพียง15ปีพร้อมเปิดเผยทั้งน้ำตาว่าที่ผ่านมาหลังจากที่น้าชายได้ถูกหลอกให้ไปทำงานบนเรือพ่อของของน้าก็พยามตามหาแม้ว่าจะไม่มีเงินก็ได้ขายที่ขายทางจนหมดตัวสุดท้ายก็ตรอมใจตายและก่อนตายยังบอกว่าแม้ตายก็จะตามหาน้าชายให้เจอจนกระทั่งต่อมาเมื่อเดือนมี.ค.66ก็มีเบาะแสของน้าชายโดยที่ไม่มีใครคาดคิดจึงเชื่อว่าพ่อของน้าคงทำตามที่พูดจริงๆตอนนี้น้าชายอีกคนได้บินไปที่จีนเพื่อไปดูตัวจริงและสอบถามรวมถึงดูอัตลักษณ์หรือตำหนิต่างๆบนร่างกายเพราะน้าชายจะมีแผลเป็นที่หลังเพราะถูกจอบกระเด็นใส่จนเป็นแผลและเบื้องต้นชายคนดังกล่าวก็รอยแผลเป็นที่หลังเช่นเดียวกันประกอบกับป้าที่เคยเลี้ยงน้าชายมาก็บอกว่าเค้าโครงรูปหน้าและรอยตำหนิต่างๆนั้นใช่เลยทำให้ครอบครัวมีความหวังมากขึ้นว่าจะเป็นน้าชายที่หายตัวไปร่วม30ปีตอนนี้จึงประสานงานคุณฝ้ายทำเรื่องขอพิสูจน์ดีเอ็นเอและตอนนี้เหลือเพียงแค่รอผลตรวจดีเอ็นเอเท่านั้นหากใช่น้าชายจริงๆเขาก็จะส่งกลับมาที่ประเทศไทยเพื่อกลับมาพบครอบครัวตอนนี้ต้องขอขอบคูณชาวบ้าน7หมู่บ้านที่ร่วมกันบริจาคเงินให้กับครอบครัวตนเองไปประเทศจีนและขอบคุณคุณฝ้ายที่ประสานงานเรื่องนี้กับครอบครัวถึง1ปีกว่าๆ
ด้านนายสุรชัยผู้ใหญ่บ้านเปิดเผยว่าตนเองทำเรื่องตามขั้นตอนของทางราชการมาร่วม1ปีแต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเท่าไหร่จึงปรึกษากับผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ขอรับบริจาคเงินจากชาวบ้าน7หมู่บ้านตามศรัทธาไม่มีการบังคับได้เงินมาหกหมื่นกว่าบาทและได้มอบให้ทางญาติเพื่อนำไปเป็นค่าเดินทางไปประเทศจีนซึ่งเบื้องต้นญาติเขาก็บอกว่าตำหนิทุกอย่างตรงกันกับบุคคลที่สูญหายแต่ถ้าจะให้ชัดต้องรอตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ก่อนอีกครั้งและถือว่าเรื่องนี้เป็นความรักความสามัคคีของชาวบ้านในพื้นที่ที่ช่วยกันถึง7หมู่บ้านจนได้เงินจำนวนดังกล่าว
Advertisement