พ่อไม่ยอม ลูกชาย ม.3 เป็นนักสนุกเกอร์ ดีกรีเซนจูรี่เบรก ลาไปแข่ง คว้า 3 ทอง แต่ครูให้ 0 วิชาพละ ลั่น ม.3 ไม่ให้จบไม่เป็นไร แต่เรื่องนี้ไม่จบไม่ได้
วันที่ 15 ม.ค. 67 นาย สมฤกษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้สื่อข่าวกีฬาชื่อดัง ซึ่งปัจจุบันเปิดเพจ ฟุตบอล 108 โพสต์ข้อความเล่าเรื่องราวของลูกชาย “น้องลมหนาว” ว่า ลมหนาว นักสนุกเกอร์ ดาวรุ่ง ที่เพิ่งทำสถิติเป็นนักสอยคิวอายุน้อยที่สุดในอายุ 14 ปี ที่แทง เซนจูรี่เบรก 105 คะแนน ต้องติด 0 วิชาพลศึกษา และสุขศึกษา หลังจากลาโรงเรียนไปแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ได้ 2 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดง เป็นตัวแทนภาค 1 ทั้ง 3 ประเภท
จากนั้นนาย สมฤกษ์ โพสต์ข้อความอีกว่า จากโพสต์เมื่อวาน เพื่อนๆ หลายคนเข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจ บอกสอบตกก็ไปซ่อม สู้ๆขอบคุณมาก อันนั้นเข้าใจได้ แต่ไม่ได้สอบแล้วได้ 0 ไม่รู้จะไปสู้กับใคร แสดงว่าผมเล่าข้อมูลไม่ครอบคลุม เอาให้ละเอียดเลยละกันจะได้ไม่เข้าใจผิด
วันที่ 13-21 ธ.ค.66 มีการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ รอบคัดเลือกภาค1 ที่นครนายก กรุงเทพมหานคร มีหนังสือขอตัว ด.ช.ลมหนาว อิศรางกูร ณ อยุธยา นักเรียนชั้น ม.3 เข้าแข่งขันกีฬาสนุกเกอร์ประเภททีม,คู่และเดี่ยว 15 แดง
ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้รับหนังสือเซ็นอนุมัติแล้วส่งเรื่องไปยังฝ่ายวิชาการ ส่งต่อให้หัวหน้าระดับ ครูประจำชั้น ครูประจำวิชา ตามขั้นตอน เพื่อลาเรียนและให้มาสอบย้อนหลัง เพราะตรงกับช่วงสอบกลางภาค
แข่งเสร็จ ได้ 2 เหรียญทอง, 1ทองแดง ได้สิทธิ์เข้าไปเล่นยช.แห่งชาติทั้ง 3ประเภท ฝ่ายวิชาการ โทรศัพท์แจ้งว่าให้มาตามสอบระหว่างวันที่ 3-4 ม.ค. เพราะจะต้องส่งคะแนนเข้าระบบ
จบปีใหม่ รีบกลับมาสอบ 2 วัน 11 วิชา หนักหนาเอาการแต่ก็สู้เต็มที่ ผลสอบออกมา ผ่านบ้าง ตกบ้าง ไม่มีปัญหาที่ตกก็ไล่ซ่อม แต่มี 2 วิชา คือ พลศึกษากับสุขศึกษา ที่อาจารย์ไม่นัดหมายให้เข้าสอบ ทั้งที่เจอกันทุกวัน และไม่ส่งคะแนนให้วิชาการ ผลสอบออกมาเลยเป็น ศูนย์คะแนนเต็ม 20
จึงมีคำถามว่า เพราะอะไรอาจารย์ใน 2 วิชานี้จึงไม่นัดเด็กสอบ ทั้งที่วิชาอื่นซึ่งยากกว่า อย่าง ภาษาไทย,อังกฤษ,วิทยาศาสตร์ ฯลฯ ก็นัดได้และมีคะแนนปกติ ถ้าได้สอบ พละศึกษา ตีวอลเล่ย์เขาให้อันเดอร์แล้ว เอาเท้าไปเตะนั่นสมควรศูนย์ หรือ สอบสุขศึกษา ไปตอบคำถามว่า ถุงยางควรสวมนิ้วโป้ง ก็ควรสอบตก
อีกคำถามที่ต้องตอบให้ได้ คือ ในกรณีเดียวกัน นักกีฬาวอลเล่ย์ที่ครูทั้ง 2วิชา ไปเป็นโค้ชและแข่งรายการเดียวกัน อาจารย์สามารถส่งคะแนนได้ก่อนสอบจริงไหม? ถ้าจริงก็บ่งบอกว่าคุณเป็นอาจารย์ที่ขาดจรรยาบรรณแห่งความเป็นธรรม เลือกที่รัก มักที่ชัง ดูแลแต่นักกีฬาที่ตัวเองรับผิดชอบ และละเลยนักเรียนคนอื่นที่เป็นลูกศิษย์เหมือนกัน
ถัาไม่จริงนักกีฬาทุกคน ทุกประเภทได้ 0 เหมือนกัน เพราะคุณไม่มีเวลาสอน ไม่มีเวลานัดสอบ ไม่มีเวลาส่งคะแนน โรงเรียนต้องไปทบทวนบทบาทครูด้านวิชาการและโค้ชกีฬาใหม่ไม่ให้ภาระหนักเกินไป นี่คือสิ่งที่ผมรับไม่ได้ ในฐานะผู้ปกครองผมมีสิทธิ์ตั้งคำถาม เพราะ
1.เด็กไม่เคยมีปัญหาเรื่องการเรียน เกรดเฉลี่ย 3 กว่าตั้งแต่ ป.1-ม.3 ปัจจุบันเฉลี่ย 3.45 เป็นนักฟุตบอลโรงเรียนมา 7 ปีและนักสนุกเกอร์ 2 ปี ไปแข่งขันทุกรายการมีหนังสือขอตัวถูกต้องชัดเจน วิชาพละกับสุขศึกษาควรจะได้ 0 เต็ม 20 หรือ
2.ไม่ได้เรียนฟรี ไม่ได้เป็นโควต้านักกีฬา จ่ายเงินครบทุกบาท ทุกสตางค์ ปีละแสนกว่ามา 9 ปี สนิทแค่ไหน แป๊ะเจี๊ยะก็ต้องจ่ายเหมือนคนอื่น
3.ทุกงานของโรงเรียน โดยเฉพาะด้านกีฬา เอาตัวเองไปช่วยเกินร้อย ทั้งพิธีกร สื่อ บาทเดียวก็ไม่เคยคิด แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นแบบนี้
โรงเรียนต้องตอบให้ได้ว่า บุคลากร มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับที่ผปค.และนักเรียนเชื่อมั่นหรือไม่ ม.3 ไม่ให้จบไม่เป็นไร แต่เรื่องนี้ไม่จบไม่ได้
Advertisement