เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 ต.ค. 68 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นางเอ (นามสมมติ) อายุ 43 ปี นักธุรกิจสาว เข้าร้องทุกข์ต่อนาง ปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นลูกสาว ถูกชายอายุประมาณ 40 ปี ซึ่งเป็น รปภ. ของโรงเรียนล่วงละเมิดทางเพศ และพยายามข่มขืนในป้อมยามหน้าโรงเรียน
เหตุเกิดวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา แถมลูกยังถูกเพื่อนบูลลี่โพสต์ใส่ร้าย เป็นโรคร้ายแรงจนเครียดคิดสั้น กินน้ำยาล้างห้องน้ำฆ่าตัวตาย ยังดียายช่วยไว้ทันส่ง รพ.นอนรักษาตัวในห้อง ICU ถึง 6 คืน
ทั้งนี้นางปวีณา ประสาน พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว ให้แม่เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ รปภ.ที่ก่อเหตุแล้ว เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดทางโรงเรียนได้ไล่ รปภ.ออกแล้ว และตำรวจได้นำตัว รปภ.มาสอบสวนให้การรับสารภาพส่งดำเนินคดีตามกฏหมาย
โดยวันนี้ได้เชิญ ดร.ธีร์ภ วังคนันท์ อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (อดีตรองเลขาธิการ กพฐ.) นางภัทริยา วรรณพันธุ์น้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.)กระทรวงศึกษาธิการ และ พ.ต.อ.นิรุชพล มาร่วมประชุมกันที่มูลนิธิปวีณาฯเพื่อให้การช่วยเหลือ ซึ่งมีแม่ของเด็กหญิงผู้เสียหายร่วมประชุมด้วย ซึ่งเด็กต้องการจะย้ายโรงเรียน ทั้งนี้จะมีการบูรณาการช่วยเหลือ และหามาตรการในการป้องกันเหตุร้ายในโรงเรียนอย่างเป็นรูปธรรม โดยมูลนิธิปวีณาฯจะติดตามการช่วยเหลือเด็กหญิง ม.2 รายนี้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการรวม ทั้งเรื่องการฟื้นฟูสภาพจิตใจ การย้ายสถานศึกษา และติดตามคดีร่วมกับพ.ต.อ.นิรุชพล เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อไป
นางเอ กล่าวว่า วันเกิดเหตุ 27 ก.ย. 68 ช่วงประมาณ 8 โมงเช้า โรงเรียนปิดเทอมแล้ว แต่ลูกให้แม่ไปส่งที่โรงเรียน เพื่อจะไปพบครูขอแก้เกรดแล้วแม่ก็กลับ เมื่อไปถึงที่ป้อมยามหน้าโรงเรียน ลูกโทรหาครู แต่ครูไม่ได้มาโรงเรียน ลูกจึงเรียกรถผ่านแอปให้ไปรับกลับบ้าน ระหว่างที่รอรถ รปภ.เรียกให้ลูกเข้าไปนั่งในป้อมก่อน ลูกจึงเดินเข้าไปขอเข้าห้องน้ำ หลังเดินออกจากห้องน้ำ รปภ.คนดังกล่าวได้เดินเข้ามากอดข้างหลัง แล้วล็อกตัวลงนั่งบนเก้าอี้ พร้อมกับจับหน้าอก จับอวัยวะเพศ และพยายามล้วงเข้าไปในเสื้อ และกางเกงที่เป็นชุดพละ ซึ่งลูกก็ดิ้นรนขัดขืนต่อสู้จนหลุดออกมาได้ แล้วรีบหยิบกระเป๋าวิ่งหนีออกจากป้อมยาม โดยรปภ.ได้วิ่งไล่ตามมา แต่ลูกบอกว่าอย่านะ และด้านนอกป้อมยามมีกล้องวงจรปิด รปภ.จึงหยุดกลับเข้าไปในป้อม
หลังกลับบ้านมาลูกก็มีอาการเซื่องซึม ไม่พูดจา ไม่กินข้าว จนเช้าวันที่ 28 ก.ย. 68 ลูกได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ยายฟัง จนพ่อกับแม่รู้เรื่อง และได้โทรไปสอบถามครูประจำชั้น เพื่อให้ตรวจสอบ เพราะเป็นวันอาทิตย์ และตั้งใจจะเดินทางไปที่โรงเรียนในวันจันทร์ แต่ลูกสาวเครียดมากที่ถูก รปภ.กระทำ และที่ผ่านมาก็ถูกเพื่อนบูลลี่เอารูปลูกไปโพสต์ในโซเชียล และเขียนข้อความให้เสียหาย บอกว่าลูกติดเชื้อHIV และติดเชื้อหนองใน ทำให้ลูกสาวเครียดจัด เช้าวันจันทร์ที่ 29 ก.ย. 68 ขณะที่อยู่ที่บ้านลูกเข้าไปในห้องน้ำ แล้วกินน้ำยาล้างห้องน้ำเข้าไป พยายามจะฆ่าตัวตาย ตอนนั้นพ่อกับแม่ออกไปข้างนอก เตรียมจะเดินทางไปโรงเรียน เพื่อติดตามเรื่องที่ลูกถูก รปภ.กระทำกับครูประจำชั้น และผอ.โรงเรียน
จู่ๆยายโทรมาบอกแทบช็อก และยายกับเพื่อนบ้านก็เรียกรถพยาบาลมารับลูกสาวส่งโรงพยาบาลต้องเข้ารักษาตัวในห้อง ICU ถึง 6 คืน กว่าจะพ้นขีดอันตราย แม่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูก และเอาเรื่อง รปภ.ที่ก่อเหตุให้ถึงที่สุด อีกทั้งอยากให้ทางโรงเรียนได้รับรู้แก้ปัญหาทั้งในการคัดเลือกบุคลากรมาทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในโรงเรียน แต่กลับมาก่อเหตุกับเด็กนักเรียนเสียเอง และหามาตรการไม่ให้เกิดเหตุกับเด็กคนอื่นๆ อีก
นอกจากนี้ขอให้ทางโรงเรียนตรวจสอบเรื่องการบูลลี่กันระหว่างเด็กนักเรียน ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ทำร้ายจิตใจเด็กมาก ที่ผ่านมาลูกได้บอกครู แต่กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือ แม่จึงขอให้มูลนิธิปวีณาฯช่วยเหลือด้วย"
Advertisement