วันที่ 21 ต.ค.68 จากกรณีที่เทศบาลนครปากเกร็ดมีหนังสือส่งถึงผู้ประกอบการรายย่อย ในพื้นที่เทศบาลนครปากเกร็ดให้ไปเสียค่าปรับ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุขพ.ศ.2535 โดยพบว่ามีผู้ประกอบรายย่อยบางราย ถูกเรียกค่าปรับตั้งแต่ 9 หมื่นบาทไปจนถึง 1.5 แสนบาท สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับหนังสือแจ้งค่าปรับจากทางเทศบาล
ผู้สื่อข่าวได้พบกับนายธวัชชัย เทพสุทิน อายุ 25 ปี หนุ่มพ่อค้าไก่ปิ้งเสียบไม้ ซึ่งถูกทางเทศบาลนครปากเกร็ดส่งหนังสือให้ไปชำระค่าปรับตามพรบ.สาธารณสุขเป็นเงินจำนวน 159,000 บาท สร้างความตกตะลึงให้กับนายธวัชชัย เป็นอย่างมาก
โดยนายธวัชชัย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อหลายเดือนก่อนมีเจ้าหน้าที่เทศบาลลงพื้นที่มาตรวจสอบบ้านพักตน ซึ่งเป็นบ้านพักชั้นเดียว พร้อมกับเรียกตนไปสอบถามข้อมูลว่าประกอบอาชีพอะไรทำมานานหรือยัง ตนก็ได้ตอบชี้แจงไปว่าตนทำอาชีพขายหมูปิ้งกับไก่ปิ้ง โดยใช้พื้นที่บริเวณหน้าบ้านเป็นที่ล้างภาชนะ ส่วนหมูกับไก่ตนจะรับแบบสำเร็จรูปเสียบไม้มาแช่ตู้แช่อาหารไว้เตรียมขายเท่านั้นโดยตนมีอาชีพขายหมูปิ้งไก่ปิ้งมาได้ประมาณ 4 ปี โดยในแต่ละวันก็จะมีกำไรอยู่ที่ประมาณ 300-500 บาทเท่านั้น หากวันไหนฝนตกขายไม่ดีก็จะเหลือประมาณ 200 บาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เทศบาลก็บอกกับตนว่า จะมีค่าปรับตามไปในภายหลัง ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร
จนกระทั่งต่อมาในวันที่ 2 ต.ค.68 ทางเทศบาลได้ส่งหนังสือมาถึงตนที่บ้านพักว่า ให้ตนไปจ่ายชำระค่าปรับจำนวน 159,000 บาท ภายใน 30 วัน หลังจากที่ได้รับหนังสือสร้างความงุนงง และตกใจให้กับตนเป็นอย่างมาก ว่าทำไมทางเทศบาลถึงได้เรียกค่าปรับตนเป็นเงินที่สูงมาก และใช้หลักเกณฑ์อะไรในการคิดค่าปรับถึงขนาดนี้ซึ่งตนยอมรับว่าตนคงไม่มีเงินมากพอ ที่จะไปจ่ายค่าปรับให้ได้เพราะทุกวันนี้ตนต้องหยุดขายของมาเป็นเดือนๆแล้ว หลังเทศบาลส่งเจ้าหน้าที่มาประเมินแล้วสั่งให้ตนทำตามระเบียบต่างๆทั้งติดถังดักไขมัน ซึ่งตนก็ได้ติดตั้งแล้ว แต่จะเพิ่มให้ตนต้องสั่งซื้อตู้แช่อาหารแบบเป็นชั้นวางกับถังดับเพลิง รวมทั้งรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆอีกแต่ตนไม่มีทุนมากพอเป็นแค่พ่อค้าขายไก่ปิ้งหมูปิ้งเสียบไม้เหลือกำไรวันละไม่กี่บาท ตนจึงหยุดขายไปแล้วหันไปเป็นไรเดอร์วิ่งรับส่งอาหารแทน
นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า ตนยอมรับว่าทั้งงงทั้งตกใจกับหนังสือเรียกค่าปรับของเทศบาลนครปากเกร็ด ว่า ทำไมต้องเรียกเก็บค่าปรับมหาศาลกับผู้ค้ารายย่อยขนาดนี้ ตนแค่ใช้หน้าบ้านเป็นที่เตรียมของไปขายกับล้างทำความสะอาดเท่านั้น แต่ทำไมถึงประเมินค่าปรับสูงกว่าที่ตนมีรายได้ ทั้งๆที่กิจการตนเป็นแค่คนทำมาค้าขายเล็กๆน้อยต่อวัน ไม่ได้เปิดเป็นร้านไก่ย่างขนาดใหญ่เลยซึ่งเร็วๆนี้ตนจะเดินทางไปขอคำตอบจากทางเทศบาล
ทางด้านน.ส.โชติภัทร เทพสุทิน อายุ 25 ปี ภรรยานายธวัชชัย กล่าวว่า ค่าปรับจำนวน 159,000 บาท เป็นค่าปรับเกินกว่าที่คนธรรมดาหาเช้ากินค่ำจะหาไปจ่ายไหว เพราะลำพังแค่ค่าใช้จ่ายรายวันก็แทบไม่พอแล้ว ตอนนี้ตนกับสามีเครียดมากไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแต่คงต้องเข้าไปพบเจ้าหน้าที่เทศบาล เพื่อชี้แจงว่ากิจการที่ตนกับสามีทำนั้นเป็นเพียงรถเข็น ไม่ใช่โรงงาน ซึ่งทางเทศบาลอาจจะเข้าใจผิด จึงประเมินค่าปรับสูงกว่าความเป็นจริงไปมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังมีลุงกับป้าที่ขายข้าวโพดต้ม ถูกทางเทศบาลนครเกร็ดเรียกเก็บค่าปรับตามพรบ.สาธารณสุขอีกรายเป็นเงิน 9 หมื่นบาท แต่เมื่อผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่บ้านของลุงกับป้าที่ขายข้าวโพดต้มกลับไม่พบตัวบ้านปิดเงียบ โดยเพื่อนบ้านบอกว่าลุงกับป้าเดินทางกลับบ้านพักที่ต่างจังหวัด เพื่อไปตั้งตัวหลังยังคงตกใจกับค่าปรับจำนวนมากที่เทศบาลเรียกเก็บ
Advertisement