
เมื่อเวลา 11.05 น. (4 ธ.ค. 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัยส่วนหน้า (ศป.กฉ.) แถลงผลการประชุม ศป.กฉ. ว่า สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ภาคใต้ ศพละ 2 ล้านบาท ซึ่งการประชุม ครม. ที่ผ่านมาได้มีมติจัดหางบประมาณ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ จากงบกลาง 1 ล้านบาท และอีก 1 ล้านบาทมาจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้มีการโอนไปที่จังหวัดเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งแนวทางในการพิจารณาเยียวยา ไม่ใช่เฉพาะ จ.สงขลา แต่จะเพิ่มจังหวัดที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้อีก 8 จังหวัด ได้แก่ ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง ยะลา สตูล และสุราษฎร์ธานี ซึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต เมื่อรวมกับ จ.สงขลา จะครอบคลุม 9 จังหวัด ซึ่งในแต่ละจังหวัดจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณา มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งคำจำกัดความของการเสียชีวิตในครั้งนี้ คือ 1.จมน้ำเสียชีวิต 2.เสียชีวิตในที่พักอาศัย หรือโรงพยาบาลที่ถูกน้ำท่วมขังหรือน้ำล้อมรอบ 3.เสียชีวิตระหว่างเคลื่อนย้าย หรืออพยพออกจากพื้นที่น้ำท่วมไปยังโรงพยาบาลศูนย์พักพิงชั่วคราว หรือสถานที่ปลอดภัย มีกรอบระยะเวลาวันที่ 22 - 27 พ.ย. ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขในการพิจารณา
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า สำหรับผู้เสียชีวิต มีเอกสารที่ญาติจะต้องใช้คือ 1.ใบมรณบัตร 2.ใบรายงานคดี 3.คำวินิจฉัยแพทย์ในกรณีที่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ และจำเป็นจะต้องมีการสอบพยานแวดล้อมเพิ่มเติม ซึ่งต้องมีใบสอบปากคำ ปค.14 เพิ่มเติมในกรณีที่มีปัญหาเรื่องการวินิจฉัยและตีความ และต้องมีการยืนยันตัวตนและสถานะของทายาทโดยธรรมที่จะเป็นผู้รับเงินเยียวยา ทั้งนี้ ขอขอบคุณจุฬาราชมนตรีที่ได้กรุณาช่วยเหลือ เนื่องจากมีบางกรณีที่ต้องมีการดำเนินการภายใน 24 ชั่วโมงตามหลักศาสนา ซึ่งทางจุฬาราชมนตรีได้มอบหมายให้คณะกรรมการมุสลิมในแต่ละอำเภอเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณา
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า สำหรับเกณฑ์ในการเฝ้าระวังเรื่องโรคต่างๆ ที่มีรายงานจากกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่เป็นโรคระบาด ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ถือว่าเป็นภาวะปกติอยู่ ซึ่งทาง ศป.กฉ.จะมีการติดตามตลอด และขอแจ้งให้ทราบว่าเว็บไซต์ ปภ.ไม่ล่มแล้ว สามารถดำเนินการได้ตามปกติ เมื่อเช้าวันนี้มีการทดลองแล้วสามารถดำเนินการได้ จะเห็นได้ว่าประสิทธิภาพในการลงทะเบียนสูงขึ้น คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายได้เร็วที่สุด นอกจากนี้ คาดว่าวันเสาร์ที่ 6 ธ.ค.จะมีทีมงานนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องน้ำลงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ที่อาจจะมีพายุฝนเข้ามาในพื้นที่ภาคใต้ในสัปดาห์หน้า ถือเป็นการเฝ้าระวังภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย
ด้าน นางสาวรัชดา ธนาดิเรก กรรมการและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขการฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) กล่าวว่า ขณะที่จํานวนการโอนเงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน 3 วันที่ผ่านมา (1-3 ธันวาคม) มีจำนวน 186,330 ครัวเรือน จำนวน 1,676,970,000 บาท และในวันนี้ (4 ธันวาคม) จะมีการโอนเงินให้กับ 368,099 ครัวเรือน รวมเป็นวงเงิน 3,312,891,000 บาท ซึ่งพบว่าปัญหาในวันนี้ยังเป็นเรื่องของระบบอินเทอร์เน็ต โดย กสทช. ได้กู้เสาอินเทอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะทําให้การลงทะเบียนออนไลน์และออนไซต์เพื่อขอรับเงินเยียวยาสามารถทําได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ ในเรื่องของระบบน้ำประปาและไฟฟ้าในพื้นที่อําเภอหาดใหญ่สามารถใช้การได้ 100% แต่ยังพบมีท่อแตกในปลายทางบางส่วน ซึ่งการประปาส่วนภูมิภาคยืนยันได้ดําเนินการแก้ไขตลอดทั้งวันทั้งคืนแล้ว และมีประชาชนที่ยังไม่ได้รับการจ่ายไฟฟ้าอีกประมาณ 3,400 กว่าครัวเรือน ส่วนสัญญาณอินเทอร์เน็ตเริ่มกระจายในทุกพื้นที่แล้ว
สําหรับการจัดการขยะทุกภาคส่วนได้ร่วมกันจัดการอย่างเต็มที่ตามแผนที่มีการกระจายในพื้นที่อําเภอหาดใหญ่ โดยดําเนินการเผาขยะที่โรงกำจัดขยะเกาะแต้ว และจะนําเทคโนโลยีเข้ามาคํานวณการเผาขยะ เพื่อส่งต่อไปยังปลายทาง ซึ่งในภาพรวมก็สามารถทําได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ตามซอกซอยยังคงมีปัญหา ลดขยะไม่มากพอ จึงได้ระดมกําลังรถขยะขนาดเล็กเข้าไปในพื้นที่
ส่วนกาาเคลื่อนย้ายรถที่กีดขวางจราจร ได้ดําเนินการ 100% แล้ว โดยเฉพาะในเส้นทางคมนาคมสายหลัก ซึ่งนํารถไปจอดในจุดที่ได้มีการประสานไว้ อาทิ วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ ขอให้ประชาชนสบายใจว่ารถของท่านจะถูกนําไปไว้ในจุดที่ปลอดภัยและมีการติดตาม เพื่อแจ้งให้ทราบว่ารถของท่านจอดอยู่ที่ใด
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำเรื่องสุขภาพ แม้ในพื้นที่จังหวัดสงขลาจะเข้าสู่ระบบการฟื้นฟู แต่ยังมีเรื่องของโรคติดต่อ อาทิ ไข้หวัดใหญ่ อุจจาระร่วง โรคฉี่หนู และโรคไข้เลือดออก รวมถึงสุขภาพจิต ซึ่งโรงพยาบาลหาดใหญ่ได้เปิดให้บริการแล้ว พบว่าสามารถรองรับผู้ป่วยได้เต็มศักยภาพอยู่ที่ 912 เตียง แต่วันนี้สามารถให้บริการได้เพียง 169 เตียง ซึ่งโรงพยาบาลจะสามารถให้บริการได้เต็มศักยภาพใน 5-8 สัปดาห์ข้างหน้า ทั้งนี้ หากประชาชนมีอาการเจ็บป่วยสามารถไปที่โรงพยาบาลสนามทั้ง 10 แห่งได้ ซึ่งจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ 320 เตียง
Advertisement