
วันที่ 11 พ.ย. 68 จากกรณี ทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บริเวณพื้นที่ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้รับบาดเจ็บรวม 4 นาย แต่ในส่วนของจ่าสิบเอก เทอดศักดิ์ สมาพงษ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้อเท้าขวาขาด ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ต่อมา กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์ เมื่อคืนวันที่ 10 พ.ย. 68 ระบุว่า รัฐบาลกัมพูชากังวลอย่างยิ่งต่อการรายงานข่าวของหลายสื่อของไทย ที่อ้างคำกล่าวของผู้นำไทยที่ระบุว่า ไทยได้ระงับการปฏิบัติตามการลงนามในถ้อยแถลงผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งมีโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานอาเซียนปีนี้ ร่วมลงนามและเป็นสักขีพยานด้วย
โดยมีรายงานว่า เหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดเมื่อวานนี้ (10 พ.ย.) ในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย บริเวณพนมทรอป ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับปราสาทพระวิหารของกัมพูชา ถูกใช้เป็นเหตุผลในการระงับการปฏิบัติตามของฝ่ายไทย รวมถึงการยกเลิกการกำหนดการปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ในวันที่ 12 พ.ย.
รัฐบาลกัมพูชาขอปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทยที่อ้างว่ากัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ โดยเป็นที่ทราบกันดีว่า ทุ่นระเบิดส่วนใหญ่ตลอดแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย ซึ่งเกิดจากสงครามกลางเมืองกัมพูชาเมื่อเกือบ 3 ทศวรรษก่อนยังไม่ได้รับการเก็บกู้ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่ยากลำบากและเป็นพื้นที่ชายแดนที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน
กัมพูชาขอยืนยันว่ายังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามถ้อยแถลงที่ได้ลงนามร่วมกัน พร้อมยืนยันอีกครั้งว่ากัมพูชาในฐานะผู้สนับสนุนและรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไม่เคยใช้ทุ่นระเบิดใหม่ใดๆ และจะไม่มีทางทำเช่นนั้น
ขณะที่สำนักข่าว Flash News สื่อออนไลน์กัมพูชา รายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ ปลัดกระทรวงกลาโหมกัมพูชาบรรยายสรุปแก่ผู้ช่วยทูตทหารจาก 12 ประเทศ เกี่ยวกับความคืบหน้าในการปฏิบัติตามถ้อยแถลงร่วมดังกล่าว ซึ่งลงนามร่วมกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้ว
โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงกลาโหมกัมพูชา สรุปประเด็นสำคัญที่เห็นชอบร่วมกันหลายประการ ซึ่งรวมถึงการปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย การถอนอาวุธหนัก การกำจัดทุ่นระเบิด การยุติปัญหาเขตแดนโดยสันติ การร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และกระบวนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต พร้อมทั้งย้ำถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาในการปฏิบัติตาม และแสดงความพร้อมที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับไทย เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศและประชาชนของทั้งสองประเทศ
Advertisement