
ทำผิดชีวิตเปลี่ยน ! นอนเน่าบนเตียงทั้งวัน (Bed Rotting ) อาจไม่ใช่แค่การฟื้นฟูร่างกาย แต่เป็นกับดักทำลายสุขภาพจิตและกาย
วันหยุดที่กำลังจะมาถึง หลายคนคงมีเป้าหมายเล็กๆ แค่การนอนเน่าอยู่เฉยๆ บนเตียงนอนตลอดทั้งวัน เพื่อให้หายเหนื่อยที่เผชิญมาทั้งสัปดาห์ ซึ่งการนอนเฉยๆ ทั้งวันบนเตียงนั้นเรียกอีกชื่อว่า Bed Rotting แปลตรงตัวว่า การเน่าอยู่บนเตียงจากการใช้เวลานอนบนเตียงนานเกินไป และไม่ได้หมายถึงแค่การนอนเล่นหรือพักผ่อนเฉยๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นพฤติกรรมอื่น เช่น ดูหนัง กินขนม เล่นเกมส์ ฯลฯ เทรนด์นี้ได้รับความนิยมมากที่สุดในคนรุ่นเจน Z ซึ่งอาจรู้สึกหมดไฟจากการทำงาน ไปโรงโรงเรียน การเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม หรือความต้องการของครอบครัว
แม้ในตอนแรกอาจดูเหมือนว่าแนวโน้มนี้จำกัดอยู่แค่ในวัยรุ่นเท่านั้น แต่การนอนเน่าบนเตียงทั้งวันก็เกิดขึ้นในผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน จากแรงกดดันการใช้ชีวิตสมัยใหม่ การทำงานที่ต้องใช้ความพยายามสูง ไปจนถึงการใช้โซเชียลมีเดียตลอดเวลา ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ Bed Rotting เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มผู้ใหญ่และคนทำงาน
การนอนพักผ่อนบนเตียง ได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีผ่อนคลายอย่างหนึ่ง ช่วยให้ผู้คนรู้สึกเหมือนได้รับอนุญาตให้นอนพักผ่อนโดย "ไม่รู้สึกผิด" โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานที่มักเผชิญกับวัฒนธรรมการทำงานที่เร่งรีบและยกย่องประสิทธิภาพการทำงาน ฉะนั้นพอถึงวันหยุดคนเหล่านี้จึงมักจะชอบเก็บตัวอยู่บนเตียงเป็นเวลานานมากกว่าการออกไปไหน หากไม่มีความจำเป็น
แม้ว่า Bed Rotting จะเริ่มต้นจากความเครียดหรือความเหนื่อยล้าชั่วคราว แต่ก็สามารถกลายเป็นรูปแบบนิสัยที่ส่งผลต่อความเป็นอยู่โดยรวมและประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างรวดเร็ว เคยมีคนตั้งคำถามว่า Bed Rotting ถือเป็นการดูแลตนเองรูปแบบหนึ่งหรือไม่นั้นมีความละเอียดอ่อน ในอีกแง่หนึ่ง การใช้เวลาพักผ่อนและหลีกหนีจากความกดดันในชีวิตประจำวัน ก็ถือเป็นการดูแลตนเองรูปแบบหนึ่งเช่นกัน ซึ่งเป็นการมอบช่วงเวลาพักผ่อนที่จำเป็นเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
Bed Rotting หากทำอย่างพอดีและเหมาะสมจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะเป็นการพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกายหลังจากความเครียด เป็นการพักสมองจากภาระหน้าที่ที่หนักอึ้ง และเป็นพื้นที่สำหรับการไตร่ตรองและสำรวจตนเอง ในผู้ที่มีความทุกข์ทางร่างกายหรือจิตใจ Bed Rotting จะช่วยปลอบประโลมและช่วยให้รู้สึกปลอดภัย นอกจากนี้ความสันโดษจากการอยู่คนเดียวยังช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และไอเดียใหม่ๆ อีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพฤติกรรมนี้ยืดเยื้อจนกลายเป็นนิสัย อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพกาย เช่น สุขอนามัยส่วนบุคคล อาการปวดหลังและท่าทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจส่งผลให้ปัญหาสุขภาพจิตแย่ลง นำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลที่เพิ่มมากขึ้น การละเลยความรับผิดชอบ ละเลยการทำงาน ละเลยการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และเริ่มรบกวนความรับผิดชอบและปฏิสัมพันธ์ทางสังคม พฤติกรรมดังกล่าวจะเปลี่ยนจากการฟื้นฟูไปสู่การหลีกหนีที่อาจก่อให้ผลในด้านลบได้ เช่น ไม่ออกไปเจอผู้คน หรือทำทุกอย่างบนเตียงนอนโดยไม่ลุกไปไหนเลย (ยกเว้นเข้าห้องน้ำ)
การนอนเน่าบนเตียงตลอดทั้งวัย อาจเป็นหนทางนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ เพราะเป็นการกินเวลาเกือบทั้งวันโดยไม่ได้ทำกิจวัตรประจำวันใดๆ และหากยืดเยื้อจนติดเป็นนิสัย ความเสี่ยงจะมากขึ้น
อ้างอิงคำสัมภาษณ์ของ คอร์ตนีย์ เดอแอนเจลิส นักจิตวิทยา ประจำศูนย์การแพทย์เออร์วิง มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก-เพรสไบทีเรียน/โคลัมเบีย ให้ข้อมูลกับ Health สิ่งพิมพ์ที่มุ่งเน้นไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพ ว่าผู้ที่มีภาวะอาการซึมเศร้าหรือวิตกกังวล อาจรู้สึกว่า Bed Rotting เป็นสิ่งที่น่าดึงดูด ผู้ที่มีอาการเหล่านี้มักบอกว่ามีพลังงานและอารมณ์ต่ำ และขาดความสนใจในกิจกรรมที่เคยทำเป็นประจำ เมื่อเรามีอาการ Bed Rotting ก็มีแนวโน้มที่จะคงสภาพจิตใจแบบเดิมเหมือนก่อนมีอาการ เดอแอนเจลิสกล่าว
เช่นเดียวกับ ดร. นิโคล โฮลลิงส์เฮด นักจิตวิทยาและผู้ช่วยศาสตราจารย์ทางคลินิกด้านเวชศาสตร์ครอบครัวและชุมชน ที่ศูนย์การแพทย์ Wexner มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต ที่ระบุว่า อาการ Bed Rotting อาจเริ่มต้นจากการดูแลตัวเองเพื่อพักผ่อน แต่หลังจากนั้นก็กลายเป็นกิจกรรมที่ลดประสิทธิผลหรือความสนุกสนานลง มีเวลาเล่นโซเชียลมีเดียมากขึ้น มีปัญหาการนอนหลับมากขึ้น แยกตัวจากสังคมมากขึ้นและนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าที่มากขึ้นได้
การดูแลตนเองอย่างแท้จริง จึงควรเป็นการสร้างสมดุลระหว่างการผ่อนคลาย และการมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นในความรับผิดชอบและความสัมพันธ์ในชีวิต ไม่เอนเอียงไปทางใดมากเกินไป ไม่เช่นนั้นแทนที่จะได้ผลดี กลับเป็นการทำลายสุขภาพทั้งกายและใจแทน
Advertisement