
(10 พ.ย. 2568) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงกรณีที่มีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด บริเวณห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ขณะที่ปฎิบัติภารกิจลาดตระเวนเส้นทาง ส่งผลให้มีทหารบาดเจ็บ 2 นาย ว่า ตนได้รับทราบแล้ว เห็นด้วยกับการดำเนินการของกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ซึ่งสิ่งที่เราดำเนินการมาโดยตลอด จะหยุดจนกว่ามีความชัดเจน ซึ่งตนจะแจ้งไปยังกระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ว่าต้องทำตามสิ่งที่ประเทศไทยต้องการเท่านั้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราคิดว่าความเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศไทย ต่อภัยความมั่นคงจะลดลงไป มันไม่ได้ลด เมื่อไม่ได้ลด เราจะดำเนินการอะไรนอกเหนือจากนี้ไม่ได้ พร้อมยืนยันว่า ทุกอย่างจะต้องหยุดการดำเนินการ ส่วนรายละเอียด จะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกองทัพออกมาชี้แจง
"สิ่งที่ผมยืนยันกับท่าน ถือว่าท่านว่าไปเลย ผมอยู่กับท่าน ผมตามท่านทุกอย่าง" นายกรัฐมนตรี กล่าว
จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าพรุ่งนี้ (11 พ.ย. 2568) จะลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี หันกลับมาตอบว่า "ต้องไปสิ ทหารของเราถึงขั้นขาขาด"
ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมว่า เรื่องส่งตัวเชลยศึก ส่ง 18 คน จะต้องชะลอใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบเพียงว่า "หยุดเลย"
ด้าน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลยอมรับไม่ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีสนับสนุนในการดำเนินการทุกอย่างแก่กองทัพและการดำเนินการตามข้อตกลง Joint declaration ที่ดำเนินมาแล้วกว่า 1 สัปดาห์ ให้หยุดไปก่อนดังนั้นการดำเนินการ ที่มีความกังวลว่า จะมีการปล่อยเชลยศึกในวันที่ 12 พ.ย. นั้น เรื่องนี้ก็ต้องหยุดไปก่อนเช่นกัน ดังนั้นขอให้ประชาชนได้มีความมั่นใจว่ารัฐบาลไม่มีการอ่อนข้อ และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆ กับประเทศกัมพูชา และยืนยันว่าสิ่งที่รัฐบาลมุ่งหวัง คือให้ประเทศ โดยเฉพาะพื้นทีชายแดนกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ให้เร็วที่สุด แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ความเป็นปฏิปักษ์ไม่ได้ลดลง ดังนั้นการดำเนินการใดๆที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาต้องหยุดชะงักและต้องมาเคลียร์เรื่องนี้ก่อน
เมื่อถามว่าจะหยุดการดำเนินการตามข้อตกลง Joint declaration แบบไม่มีกำหนดหรือไม่นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ตอนนี่ยังไม่มีกำหนด จนพอจะมีการพูดคุย แต่จะบอกว่าไม่มีกำหนดก็กว้างเกินไป หลังจากนี้เมื่อมีการประท้วงกันแล้ว ก็ต้องมาดูว่าจะต้องมีการดำเนินการต่อไปอย่างไร ซึ่งตอนนี้ต้องหยุดไปก่อน จนกว่าจะมีการเคลียร์เรื่องการเหยียบทุ่นระเบิด
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่ากัมพูชาไม่ได้ดำเนินการตามข้อตกลงและเป็นการเล่นนอกเกมใช่หรือไม่ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือหนึ่งในนั้นส่วนที่เหลือก็ขอให้ไปฟังรายละเอียดจากฝ่ายความมั่นคง แต่นี่คือท่าทีของรัฐบาล
ส่วนต้องมีการชี้แจงเรื่องนี้ต่อนานาชาติหรือไม่ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ปกติกลไกในการประท้วงก็ต้องมีการอยู่แล้ว ต้องแจ้งกลุ่มผู้สังเกตการณ์ที่เป็นต่างชาติอยู่แล้ว
Advertisement