
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พบปะกลุ่มสตรี แม่บ้าน อบจ.กระบี่ และ อสม.จังหวัดกระบี่ ณ อาคารเดอะแพลทตินั่ม ฮอลล์ ตำบลปากน้ำ อำเภอกระบี่ จังหวัดกระบี่
โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีมาถึง กล่าวทักทายเป็นสำเนียงใต้ ว่า สวัสดีครับ นี่มาแหล่งรอบ 2 เมื่อสักครู่ต้องขออภัยเห็น กลุ่มอสม. กลุ่มสตรี ที่อยู่ด้านนอก ไม่สบายใจ แต่เพิ่งมาทราบว่าหอประชุมจัดได้ทีละชุด ชุดแรกคือกลุ่มผู้นำองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นชุดที่ 2 ถึงจะเป็นชุดของกลุ่มสตรีแม่บ้าน แล ชาวอสม. มาตรงนี้อบอุ่นจริงๆ และก็ได้ไถ่บาปไปแล้ว เห็นพี่น้องอยู่ข้างนอก ตนก็ไม่ยอมขึ้นรถ วิ่งไปหาพี่น้องก่อน ท่ามกลางรู้สึกอึดอัดที่เห็นประชาชนรออยู่ด้านนอก แต่อย่างไรก็ต้องขออภัยด้วย ทั้งหมดเป็นความผิดของนายพิพัฒน์คนเดียว ก่อนกล่าวว่าพูดเล่น
โดยช่วงหนึ่ง นายอนุทินได้ถามประชาชนว่าอยากพบกับนางซาบีดาหรือไม่ อยากพบกับใครก่อน ตนหรือซาบีดา ซึ่งประชาชนก็ตอบรับว่าซาบีดา ทำให้นายกรัฐมนตรี เชิญให้นางสาวซาบีดามาพูด ซึ่งนางสาวซาบีดา กล่าวว่า ยินดีที่ได้มาพบประชาชนชาวกระบี่อีกครั้ง ซึ่งตนเคยมากระบี่เป็นการเชิญของโกหนึ่ง ช่วงนั้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มาดูแลเรื่องโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ วันนี้ก็มาอีกครั้งหนึ่ง เป็นคณะติดตามนายกรัฐมนตรีเชื่อว่าทุกท่านคงจะทราบนโยบายของรัฐบาล
ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีนโยบายในเรื่องของคนละครึ่ง ที่เริ่มเปิดให้มีการลงทะเบียน และหวังว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรมก็พร้อมที่จะส่งเสริม ด้วยความที่ตนเป็นมุสลิมแต่ก็มีหน้าที่ที่จะต้องส่งเสริมทุกศาสนาที่ทำการรับรอง จึงต้องเรียนด้วยความเคารพว่าหน้าที่ของตนคือต้องมีความยุติธรรมทุกศาสนาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน พร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจเพื่อประชาชน พร้อมทักทายสวัสดีภาษาอาหรับ ด้วยคำว่า "อัส ลา มู อาลัยกุมวาเราะห์มาตุ้ลลอฮุ ฮิวา บารอกาตุฮ์"
ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะแนะนำรัฐมนตรีที่เดินทางมาด้วย ตนไม่เข้าใจเวลาที่นางสาวซาบีดาพูดก็ยิ้มกันทุกคน เวลาผมพูดมีแต่คนดูนาฬิกา เอาอย่างไรแน่ ตนต้องการให้ทุกท่านได้รู้สึกว่า เดี๋ยวนี้รัฐบาลคนเป็นรัฐบาลเป็นรัฐมนตรีก็สาวๆท่านๆนี่ แหละเข้าถึงได้ เมื่อสักครู่พบกับสาวสวยแล้ว ตาแก่ไม่ต้องพบหรอกพบกับหนุ่มหล่อดีกว่า
และส่งไมค์ให้นายภราดร กล่าวทักทาย ว่า สวัสดีครับ แหลงใต้ไม่ชับ (สำเนียงใต้) พร้อมกล่าวถึงนโยบายอนุมัติงบประมาณในการทำนโยบายต่างๆ โดยระบุว่า ขอมัดจำ 4 เดือนเพื่อใช้ใน 4 ปี และนางสาวศศิธร ที่กล่าวถึงการทำงานในพื้นที่และขอสส.ทั้ง 3 เขตอีกครั้งในสมัยหน้า
ก่อนที่นายอนุทิน ได้กล่าวติดตลกว่า กล่าวปิดเลยแล้วกันนึกไม่ถึง ช้างเผือกอยู่ในป่าลึก เพราะ ตอนที่ตนพบกับรัฐมนตรี ศศิธร มองว่า เป็นลูกของพี่ชายเป็นเด็ก ๆ นึกว่าพูดไม่เป็น ด้วยซ้ำ นี่เป็นชุดเลย พูดมาเป็นชุดทำให้ ตน เครียดว่าจะพูดอะไรกับท่านดี
ขณะเกียวกัน นายอนุทิน ยังชื่นชม อสม.คือสิ่งที่ประเทศไทยมี แต่ประเทศอื่นไม่ มี ไม่ว่าโรคอะไรมาก็สามารถสู้รบได้ทั้งหมด นี่คือความเข้มแข็งของการเป็น อสม ก่อนพูดตรงๆว่าถ้าไม่มีโควิดคงไม่ได้หรอก 2,000 บาทไม่รู้จะชมอย่างไรแต่พอมีโควิดพอเห็น อสม.ช่วยคุณหมอ ไม่ว่าตนจะไปอยู่ที่ไหน ไปอยู่ กระทรวงอื่น เมื่อเจออสม. เมื่อไหร่ก็ยังรู้ ฝสึก ตื่นเต้น และอยากจะอยู่ใกล้ชิดกับพวกท่าน ตอนอยู่กับพวกท่านมา 4 ปีเต็มๆ ก่อนอวดว่าตนไปสมัครเป็นอสม.ที่บุรีรัมย์และได้ 2,000 บาทด้วยแหละ
นายอนุทิน ยังระบุอีกว่า ประชาชนมีอะไรให้เสนอโครงการมายังรัฐมนตรี ศศิธร ที่กำกับดูแลกรมการพัฒนาชุมชน แต่ต้องย้ำว่า ต้องใช้ทุกบาททุกสตางค์ให้คุ้มค่า ต้องคิดถึงว่าหากจะผลิตอะไรขึ้นมาต้องขายได้และมีราคาไม่ใช่อยากจะทำอะไรก็ทำ แล้วขายไม่ได้ นานๆจะมีนายกรัฐมนตรีใจดีแบบนี้ รัฐมนตรีเสนออะไรมาตนอนุมัติหมด เพราะมอบอำนาจให้รัฐมนตรีได้ดูแลเพื่อประชาชนนี่คือสิ่งที่พวกตนได้เข้ามาทำงานจนบอกตัวเองเสมอว่าพวกตนคือคนที่ประชาชนเลือกมาไม่มีใครแต่งตั้งมาเพราะคนแต่งตั้งคือประชาชนและตนต้องดำรงตำแหน่งสถานะผู้แทนราษฎร เป็นปาร์ตี้ลิสเบอร์ 1 เพราะฉะนั้นตนก็เป็นสส.ถึงแม้จะไม่ใช่สส.กระบี่ แต่ประชาชนกระบี่ เลือกตนมาเป็นสส.เหมือนกัน
ตอนแรกมากระบี่ก็งงๆ แต่ตอนนี้เลิกงงแล้ว ให้สส.มา 3 คน
นายอนุทิน ยังฝากอสม. อย่าทิ้งประชาชน เพราะอสม. คือหมอคนแรกของประชาชน เขาเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ไกล ตนหวังว่าโครงการผู้ช่วยพยาบาล 1 ตำบล 1 ผู้ช่วยพยาบาลน่าจะยังอยู่ ซึ่งเราจะเห็นว่าเวลาที่ประชาชนเจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าสามารถเป็นตัวแทนของแพทย์ให้การดูแลปฐมพยาบาลขั้นแรกได้ก็จะทำให้คนมีกำลังใจและรู้สึกปลอดภัยคือสิ่งที่สำคัญที่สุด อะไรที่ให้แล้วเอาคืนไม่ได้มีคนดึงเรื่องฟอกไตไป ไม่เป็นไรขออภัยในความไม่สะดวกนิดหน่อย วันนี้ตนกลับมาแล้ว เอามาคืนแล้ว เพราะเราให้แล้วเราถอนไม่ได้ไปก็คือโรคโรคหนึ่งถ้าในเมื่อเราเชิดชูโครงการรักษาทุกโรค แล้วก็ต้องรักษาทุกโรค
นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า หากประเทศเข้มแข็ง อย่าว่าแต่ 3,000 เลย 5,000 ก็ให้ เลือกที่ผม มันอยู่ที่เรา เราก็ไปจัดการเรื่องยาเสพติดสิต้องถือว่ามันเป็นเสนียดจัญไรของบ้าน เข้ามาไม่ได้ใครทำคนนั้นต้องถูกดำเนินคดีเด็ดขาด ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันอยู่กับมือเราทั้งนั้น เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าทำไม่ได้
ในช่วงท้ายนายอนุทิน ยังถามบรรดาอสม.และกลุ่มสตรีว่า อย่าลืมเรื่องทะเบียนคนละครึ่งพลัส ลงแล้วหรือยัง ถ้ายังเดียวเดือนมกราคมหาวิธีเยียวยากัน คนที่ลงทะเบียนแล้วต้องทำความเข้าใจให้ดีโครงการคนละครึ่ง เป็นการจ่ายร่วมกันท่านต้องจ่ายรัฐก็ช่วยจ่าย ถ้าท่านไม่จ่ายท่านก็เสียสิทธิเพราะฉะนั้นจะต้องช่วยกันจับจ่ายใช้สอย
Advertisement