
วันนี้ (24 ตุลาคม 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิ ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ โดยชาวนาส่วนใหญ่จะใช้รถเก็บเกี่ยวในการเก็บผลผลิตแทนการใช้คนเกี่ยว เนื่องจากสะดวกและง่ายต่อการเกี่ยวผลผลิต แต่ก็ต้องควักเงินในกระเป๋าเพื่อนำมาจ่ายค่ารถเกี่ยว โดยปีนี้รถเกี่ยว ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ลดจำนวนลงกว่าปีที่ผ่านมา คาดว่าน่าจะมาจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่มีข้อยุติลงอย่างสงบสุข
โดยวันนี้ผู้สื่อข่าวมีโอกาสลงพื้นที่ไปในเขตพื้นที่ติดกับชายแดนไทย-กัมพูชา และได้พูดคุยสอบถามกับชาวบ้านที่ทำนาปลูกข้าวหอมมะลิ และส่วนใหญ่กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ที่บ้านกระเทียม ตำบลกระเทียม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ มีระยะห่างจากชายแดนไทยกัมพูชาประมาณ 15 กิโลเมตร
ลุงเย็น ในนา อายุ 73 ปี (ชาวนาที่อยู่โซนแถวชายแดน) เล่าว่า ตนเองเป็นชาวนาปลูกข้าวหอมมะลิ อยู่ที่ตำบลกระเทียม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งห่างจากชายแดนไม่มากนัก ตอนนี้ราคาเกี่ยวข้าวขึ้นพุ่งสูงมาก เมื่อปีก่อนตนเองเคยเกี่ยวไร่ละ 500 ตอนนี้ราคาพุ่งขึ้นเป็นไร่ละ 700 บาท เนื่องจากเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่สงบ สาเหตุที่ราคาขึ้นสูงเจ้าของรถเกี่ยวบอกว่าเขมรจะรบกัน เขาเอาในส่วนนั้นมาอ้าง จึงขึ้นราคา แต่ราคาข้าวมีแต่จะลดลง 8-11 บาท/กก. ชาวนาไม่ไหว
จึงขอฝากถึงให้ทางหน่วยงาน นายกรัฐมนตรีอนุทิน ช่วยหน่อย เพราะการทำนาแต่ละปีลงทุนเยอะมาก ไม่เห็นกำไร ต้นทุนแทบจะไม่เหลือแทบจะไม่คุ้มค่า ซึ่งตัวเองได้ข่าวมาว่าจะสู้รบอีก ไม่รู้จริงหรือไม่ ฝากรัฐบาลช่วยแก้ปัญหาให้ด้วย
Advertisement